✅✅ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ยัน ไม่มีประชุมลับเกี่ยวกับ CPTPP ในที่ประชุม ครม. เมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา
🔴 กรณีมีรายงานนำผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ไปบิดเบือนเป็นนายกรัฐมนตรีลงนามเห็นชอบการเข้าร่วม CPTPP แล้ว นั้น ❌ ไม่จริง
📣 นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) กล่าวชี้แจงยืนยันว่า เรื่องดังกล่าว ไม่เป็นความจริง เป็นแค่เสนอเรื่องขอขยายเวลาการศึกษา CPTPP เท่านั้น ไม่ใช่การเสนอให้อำนาจนายกรัฐมนตรีไปลงนามเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเจรจาความตกลงดังกล่าว ซึ่งข้อเท็จจริงขณะนี้นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า ต้องพิจารณาการเข้าร่วมเป็น CPTPP อย่างรอบคอบเป็นพิเศษ
✅✅ ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศ และ กนศ. เห็นว่า ระยะเวลาดังกล่าว ยังไม่เพียงพอต่อการพิจารณาในรายละเอียด จึงขอขยายระยะเวลา 90 วัน ซึ่งเดิมครบกำหนดในวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา จากที่ก่อนหน้านี้ ได้ให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการพิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยได้เชิญผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ และภาคเอกชนมาให้ความเห็น ก่อนกลับนำเสนอมายังคณะรัฐมนตรี จากนั้นคณะรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และ กนศ. พิจารณาข้อมูลจากกรรมาธิการฯ อีกครั้งหนึ่งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน
❇️❇️แม้จะได้ข้อสรุปในเบื้องต้นแล้ว แต่เห็นว่า ยังควรทบทวนในรายละเอียด เพื่อให้เกิดความรอบคอบอีกครั้ง จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขอขยายระยะเวลาการพิจารณาออกไปอีก 50 วัน ซึ่งเวลาจะไปสิ้นสุดในวันที่ 24 มิ.ย. 2564 โดยระหว่างนี้ จะพิจารณาประเด็นการเจรจา เงื่อนไข และปัญหาที่อาจทำให้ไทยเสียเปรียบ ในการเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ซึ่งบางเรื่องที่ยังไม่ชันเจน ก็สามารถจัดทำเป็นข้อสงวน
📌📌นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเมื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิก หากผลกระทบใดไม่สามารถปรับให้ลดลงได้ ก็เตรียมพิจารณาเป็นมาตรการป้องปราม และกลไกเยียวยาให้เกิดความยั่งยืน โดยเมื่อถึงเวลาที่รัฐบาล เห็นว่ามีความพร้อมแล้ว ก็จะเสนอต่อรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP ต่อไป
✴️✴️นายดอน ยังกล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวจะเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง วันที่ 24 มิ.ย.นี้ ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้ตัดสินว่า จะเข้าการเจรจาหรือไม่ ซึ่งการเจรจาดังกล่าว ยังไม่ใช่การตอบรับเป็นสมาชิกภาคี แต่เป็นการเจรจาเงื่อนไขต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทย ซึ่งหากจะตอบรับเป็นสมาชิก ก็จะนำข้อมูลทั้งหมด ทั้งผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ข้อสังเกตต่าง ๆ รวมไปถึงกระบวนการต่าง ๆ ในอนาคต เพื่อให้เกิดเงื่อนไขที่เหมาะสมต่อไทย และการจะตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิก ก็จะต้องขอมติจากรัฐสภาด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะลงนามแต่เพียงผู้เดียวไม่ได้
✳️✳️ สำหรับการขยายเวลาการศึกษาออกไป 50 วัน จะทันการยื่นเข้าเป็นสมาชิกในปี 2564 หรือไม่
➡️➡️ นายดอน กล่าวว่า ทันต่อการยื่นเข้าเป็นสมาชิกปีนี้ สิ่งสำคัญต้องศึกษาให้ละเอียดและรอบคอบ โดยการตอบรับเข้าร่วมภาคี CPTPP ของไทย จะดำเนินการเมื่อมีความพร้อม และมั่นใจว่า จะต้องไม่เสียเปรียบประเทศอื่นๆ
👉👉สรุป timeline การดำเนินการ ประเด็น CPTPP ของไทย มีดังนี้
วันที่ 13 ก.พ.63
➡️ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เสนอผลการศึกษาข้อดี ข้อเสียการเข้าร่วม CPTPP ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) ครั้งที่ 1/2563
วันที่ 16 เม.ย.63
➡️ พณ. ได้เสนอเรื่องให้ ครม. พิจารณาแต่ได้ขอถอนเรื่องออกไป(เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม)
➡️ พณ. ได้เสนอเรื่องให้ ครม. พิจารณาแต่ได้ขอถอนเรื่องออกไป(เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม)
มิ.ย.- ต.ค.63
➡️ สภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลง CPTPP สรุปว่าโดยรวมแล้ว ไทยต้องเตรียมความพร้อมภายในประเทศอีกหลายเรื่องเพื่อเข้าร่วมCPTPP และได้จัดทำข้อสังเกตที่ กมธ. เห็นว่าไทยควรดำเนินการ
วันที่ 23 พ.ย.63
➡️ ครม. มอบหมายให้รอง นรม./รมว.กต. รับรายงานและข้อสังเกต
ของ กมธ. ไปพิจารณาร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและรายงานต่อ ครม.ภายใน 30 วัน
วันที่ 1 และ 3 ธ.ค.63
➡️ กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดประชุมร่วมกับส่วนราชการ
ที่เกี่ยวข้อง ประมาณ 50 หน่วยงาน เพื่อพิจารณาข้อสังเกต กมธ. โดยได้ขอให้
ส่วนราชการนำรายงานและข้อสังเกตของ กมธ. ไปพิจารณาในรายละเอียดว่า
สามารถดำเนินการตามข้อสังเกต กมธ. ได้หรือไม่และให้รายงานผลการ
พิจารณากลับมายัง กต. เพื่อรวบรวมรายงาน สลค. ต่อไป
วันที่ 22 ธ.ค.63
➡️ กต. รายงานผลการดำเนินการในกรอบ 30 วันต่อ สลค.
พบว่า หน่วยงานราชการส่วนใหญ่ คาดว่า สามารถดำเนินการตามข้อสังเกตของ กมธ. ได้ แต่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลแผนงานการดำเนินการ เพื่อปรับตัวรวมทั้งกรอบเวลาที่ชัดเจนได้และบางส่วนราชการยังมีข้อห่วงกังวลต่อการดำเนินการตามข้อสังเกตบางประการ จึงเสนอให้มีการหารือในรายละเอียดเพิ่มเติมอีก 90 วัน โดยเฉพาะการหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาคเอกชนและภาคประชาสังคมเพื่อสะท้อนความเห็นของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง
วันที่ 26 ม.ค.64
➡️ครม. ได้มีมติมอบหมายให้ กนศ. ติดตามความคืบหน้าในการจัดทำ
แผนงานปรับตัวของส่วนราชการตามข้อสังเกตของ กมธ. โดยหารือร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องรวมทั้งภาคส่วนต่าง ๆ อาทิ ภาคเอกชน
และภาคประชาสังคม และรายงานกลับไปยัง ครม. และให้ กนศ. รวบรวมข้อมูลและจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับความพร้อมและเงื่อนเวลาหรือความไม่พร้อมของไทยรายงานกลับไปยัง ครม. เพื่อพิจารณาต่อไปภายใน 90 วัน
วันที่ 5 ก.พ.64
➡️ การประชุม กนศ. ครั้งที่ 1/2564 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามมติ ครม. ได้จัดตั้ง “คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการ ตามมติ ครม. เกี่ยวกับเรื่อง CPTPP” จำนวน 8 คณะ
(1) ด้านเกษตรและพันธุ์พืช
(2) ด้านการแพทย์และสาธารณสุข
(3) ด้านการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐและรัฐวิสาหกิจ
(4) ด้านการค้าสินค้า การค้าบริการ และการลงทุน
(5) ด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
(6) ด้านการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับรัฐ
และระหว่างเอกชนกับรัฐ
(7) ด้านแรงงาน
(8) ด้านการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ
โดยคณะอนุกรรมการเหล่านี้จะต้องนำประเด็น
ข้อสังเกตของ กมธ. ที่เกี่ยวข้องไปหารือกับ
ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนและประชาสังคม
และกลับมารายงาน กนศ.
วันที่ 5 เม.ย.64
➡️การประชุม กนศ. ครั้งที่ 2/2564
คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 8 คณะได้รายงานผลการพิจารณาให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งมีทั้งประเด็นที่เห็นว่าสามารถดำเนินการตามข้อสังเกตของ กมธ. ได้ทันที ต้องการระยะเวลาเพื่อการปรับตัวและประเด็นที่ไม่สามารดำเนินการได้ เพื่อความรอบคอบและครบถ้วน รอง นรม./รมว.กต. จึงได้ขอให้คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 8 คณะ กลับไปทบทวนการดำเนินการตามข้อสังเกต
เหล่านี้ว่าจะมีประเด็นใดที่สามารถยืดหยุ่นได้เพิ่มเติมหรือไม่ และให้รายงานกลับมายัง กนศ. เพื่อรวบรวมให้ที่ประชุม กนศ. พิจารณาอีกครั้ง
วันที่ 22 เม.ย.64
➡️การประชุม กนศ. ครั้งที่ 3/2564
ที่ประชุมได้พิจารณาแผนการปรับตัวของส่วนราชการตามข้อสังเกตของ กมธ. ทั้งหมดและพบว่ายังคงมีประเด็นที่ส่วนราชการยังเห็นว่าไม่สามารถดำเนินการได้ ในการนี้ ที่ประชุม กนศ. จึงมีมติให้เสนอ ครม. ขอขยาย
ระยะเวลาการศึกษาอีก 50 วัน (เดิมครบกำหนดวันที่ 25 เม.ย. 64) เพื่อให้มีการหารือในระดับนโยบายให้ถี่ถ้วนยิ่งขึ้น รวมทั้งอาจจัดหารือกับภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคประชาสังคม และภาคเอกชนต่อไป
🔴 ล่าสุด วันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ครม. ได้มีมติเห็นชอบกับการขอขยายเวลาดังกล่าวแล้ว (ครบกำหนดในวันที่ 24 มิ.ย. 2564)




