สทนช.ยืนยันการจัดซื้อเครื่องสูบน้ำไฮดรอลิคโปร่งใสตรวจสอบได้

นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ชี้แจงกรณีพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวและมีการตั้งข้อสังเกตการอนุมัติงบกลางปี 2564 กรณีจัดซื้อเครื่องสูบน้ำระบบไฮดรอลิคส่อความไม่โปร่งใส ว่า โครงการดังกล่าวผ่านหลักเกณฑ์กระบวนการเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ. 2562 ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝนเพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงแล้ง และอยู่ในแผนงานโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 เพื่อดำเนินการโครงการสนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่ได้รับจัดสรรงบประมาณทั้งสิ้นรวม 2,801 รายการ งบประมาณ 3,150.29 ล้านบาทประกอบด้วย 7 กิจกรรม คือ ก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ ขุดลอก ธนาคารน้ำใต้ดิน ระบบประปา ระบบส่งน้ำและกระจายน้ำ บ่อบาดาล และครุภัณฑ์ ดำเนินการโดย 7 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และกระทรวงมหาดไทย หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กรมทรัพยากรน้ำ และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
.

ปัจจุบันการพัฒนาแหล่งน้ำดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมด 476 รายการ อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 2,325 รายการ
ซึ่งรวมถึงรายการครุภัณฑ์เครื่องสูบน้ำระบบไฮดรอลิค ดำเนินการโดยกรมชลประทาน 23 รายการ ที่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนในช่วงฤดูแล้งปี 2564 และ 2565 นี้ด้วย และยังลดผลกระทบหากเกิดสถานการณ์อุทกภัยในอนาคตด้วย อย่างไรก็ตามเครื่องสูบน้ำระบบไฮดรอลิคที่มีอยู่เดิมกรมชลประทานได้ระดมไปติดตั้งในพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วมขังอยู่ในขณะให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วยเช่นกัน

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา สทนช.ได้บูรณาการทุกหน่วยงานเตรียมรับมือตั้งแต่ก่อนเข้าสู่ฤดูฝนผ่านกลไกกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เร่งจัดทำแผนปฏิบัติการเชิงพื้นที่เพื่อขับเคลื่อน 10 มาตรการรับมือฤดูฝนปี 2564 เน้นให้เกิดการเชื่อมโยงผ่านคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการแจ้งเตือนล่วงหน้าในพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อออกประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบล่วงหน้ารวม 22 ฉบับ และกอนช. ได้เร่งบริหารจัดการน้ำร่วมกันเพื่อให้ระดับน้ำลดลงโดยเร็ว ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้ประมาณ 1 เดือนในหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจาก อิทธิพลของพายุ “โกนเซิน” และ “เตี้ยนหมู่” จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกันยังมีแผนการเก็บกักน้ำที่ท่วมขังเก็บกักไว้ในแหล่งน้ำต่างๆ ให้มากที่สุดเพื่อใช้ในการบริหารจัดการในฤดูแล้งที่จะถึงนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย

นอกจากนี้รัฐบาลยังเร่งรัดแผนงานโครงการแก้ปัญหาเชิงระบบเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งขับเคลื่อนแล้วจำนวน 133 โครงการ จาก 526 เช่น แผนบรรเทาอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง มีความก้าวหน้า 32% การเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนนอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าจะขับเคลื่อนได้ทั้งหมดภายในปี 2570 ซึ่งจะทำให้พื้นที่น้ำท่วมใน 17 จังหวัดลดลงจาก 9.31 ล้านไร่ คงเหลือ 3.05 ล้านไร่ และยังมีแผนการพัฒนาลุ่มน้ำชีตอนบนการขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่และโครงการสำคัญรวม 41 โครงการ เพิ่มความจุ 629 ล้าน ลบ.ม. พื้นที่ได้รับประโยชน์ 1.4 ล้านไร่ ประชาชนกว่า 260,000 ครัวเรือนได้รับประโยชน์เมื่อโครงการแล้วเสร็จด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง