นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐ อนุมัติเป็นหลักการให้หน่วยงานราชการดำเนินการลดการใช้พลังงานร้อยละ 20 ในช่วงครึ่งปีหลังของปี งบประมาณ 2565 ตั้งแต่ เมษายน – กันยายน 2565
กระทรวงพลังงานได้จัดทำแนวทางประหยัดพลังงานในหน่วยงานภาครัฐเพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างน้อยร้อยละ 20 ในช่วงครึ่งปีหลังของปีงบประมาณ 2565 ดังนี้
แนวปฏิบัติลดการใช้พลังงานอย่างเป็นระบบ ให้จัดตั้งคณะทำงานลดใช้พลังงานโดยมีหัวหน้าส่วนราชการเป็นประธาน / จัดทำแผนปฏิบัติการลดการใช้พลังงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างน้อยร้อยละ 20 ให้มีความชัดเจน /พัฒนามาตรการลดใช้พลังงานให้เข้มข้นขึ้นหรือยืดหยุ่นตามความเหมาะสม
มาตรการที่ปฏิบัติได้ทันที
ด้านไฟฟ้า
เครื่องปรับอากาศ เช่น กำหนดเวลาเปิด-ปิด 8.30 น. – 16.30 น. ตั้งอุณหภูมิ 25 -26 c ล้างแอร์ทุก 6 เดือน / แสงสว่าง เช่น ใช้หลอดไฟ LED อุปกรณ์สำหรับงาน ให้ตั้งโปรแกรมปิดหน้าจออัตโนมัติ เมื่อไม่ใช้งานลิฟต์ อาจให้หยุดเฉพาะชั้นคู่/คี่ รณรงค์การใช้บันได
ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
เลือกใช้รถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพการเดินทางและจำนวนผู้เดินทางใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชีวภาพเช่นแก๊สโซฮอล์ไบโอดีเซลก่อนเป็นอันดับแรก ตรวจเช็กรถยนต์ตามระยะเวลาที่กำหนด เติมลงยาง ให้เหมาะสมและใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแทนการเดินทาง เช่น การประชุมออนไลน์การจัดส่งเอกสารทางอีเมล
สำหรับมาตรการระยะยาวให้ ” อาคารของรัฐที่เข้าข่ายเป็นอาคารควบคุม” ก่อนปีงบประมาณ 65 ประมาณ 800 แห่ง เร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไม่ให้เกินค่ามาตรฐานการจัดการใช้พลังงานภายในปีงบประมาณ 2566 เพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่การจัดการอาคารของเอกชนที่เข้าข่ายเป็นอาคารควบคุม นอกจากนี้ยังให้นำมาตรการบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) สำหรับหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้แผนปฏิรูปประเทศด้านพลังงานมาใช้กับหน่วยงานราชการ รวมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าหรือยานพาหนะใหม่ทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ
อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐต้องรายงานผลการประหยัดพลังงาน เพื่อกระทรวงพลังงานจะได้รายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีการคาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านหน่วย และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ 12 ล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 1, 020 ล้านบาท ลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 67,075 ตัน ในส่วนของการกำกับดูแลอาคารของรัฐที่เข้าข่ายเป็นอาคารควบคุม คาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้า 174.45 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่า 872.25 ล้านบาท และการดำเนินงานตามมาตรการ ESCO สำหรับหน่วยงานภาครัฐ คาดว่าจะสามารถลดการใช้ไฟฟ้า 1,058.33 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่า 5,291.65 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรียังกำชับส่วนราชการ กำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน พร้อมขอข้าราชการให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ประชาชนด้วย