พม.ยืนยันพร้อมขับเคลื่อนสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า แต่ต้องฟื้นเศรษฐกิจก่อน

กรณีองค์การยูนิเซฟประเทศไทยระบุถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลให้ครอบครัวจำนวนมากสูญเสียรายได้ ตกงานโดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงสุด จึงเรียกร้องให้ครม.อนุมัติสวัสดิการอุดหนุนเด็กเล็กแบบถ้วนหน้า

นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนและเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (กดยช.) เปิดเผยว่า สำหรับโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้า ตามที่ กดยช. ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นประธานกรรมการ ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการช่วยเหลือและจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนฯ ให้ครอบคลุมเด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจนมาอย่างต่อเนื่อง

ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2563 เห็นชอบหลักการในการให้เงินอุดหนุนเด็กอายุ 0 – 6 ปี แบบถ้วนหน้า และมติการประชุม กดยช. ครั้งที่ 2/2563 เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 เห็นชอบแนวทางการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้า ในอัตรา 600 บาท ต่อคน ต่อเดือน เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2565 และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำเสนอแนวทางการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้า ต่อคณะรัฐมนตรี

ซึ่งทางด้านกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการหารือเสมอ จากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ประเทศไทยมีการเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงอย่างมาก ประกอบกับรัฐมีภาระค่าใช้จ่ายสูงขึ้น จึงต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภาพรวมก่อน ผลักดันนโยบายการจัดสวัสดิการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดแบบถ้วนหน้า

โดยยืนยันจะสานต่อแนวคิดขับเคลื่อนการจัดสวัสดิการเด็กเล็กให้เป็นแบบถ้วนหน้า เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น อาจเป็นเวลา 2-3 ปีเพื่อเป็นการเตรียมการรองรับนโยบายการจ่ายเงินอุดหนุนฯ แบบถ้วนหน้า และให้สอดคล้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง