วธ.เสริมศักยภาพเครือข่ายเฝ้าระวังวัฒนธรรมทั่วประเทศ

           นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ได้มอบหมายให้กองเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม (กฝว.) ประสานงานกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) 76 จังหวัด สำรวจ รวบรวมข้อมูลและปรับปรุงฐานข้อมูลเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ประเภทศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา ซึ่งได้รับรายงานข้อมูลสถานะการดำรงอยู่ของเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ข้อมูล ณ วันที่ 1 เมษายน 2565 พบว่า ขณะนี้มีเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 4,694 แห่ง และมีเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมนอกสถานศึกษาทั่วประเทศ จำนวน 2,946 แห่ง รวมทั้งสิ้น 7,640 แห่ง

           ปลัด วธ. กล่าวอีกว่า วธ. จึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom Meeting จำนวน 2 ครั้งระหว่างวันที่ 20 – 21 มิ.ย. ระหว่างวันที่ 23 – 24 มิ.ย. โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัดผู้ที่รับผิดชอบศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมทั้งในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา เครือข่ายศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษา 76 จังหวัด ๆ ละ 10 แห่ง รวม 760 แห่งและเครือข่ายศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาพื้นที่กรุงเทพมหานคร จำนวน 10 แห่ง รวมจำนวน 770 แห่ง ทั้งนี้เพื่อต้องการเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินงานของเครือข่ายศูนย์เฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในสถานศึกษาและนอกสถานศึกษาให้เข้มแข็ง และขยายเครือข่ายให้หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน องค์กร สมาคม มูลนิธิและภาคประชาชน เยาวชน สื่อมวลชน ร่วมเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมในการร่วมกันป้องกัน ตรวจสอบ เฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยสังคม ตลอดจนแก้ไขปัญหาความเบี่ยงเบนทางวัฒนธรรม

          “การมีเครือข่ายครอบคลุมทุกพื้นที่และการร่วมกันในการเฝ้าระวัง สถานการณ์และปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรม เพื่อเป็นการแจ้งเตือนสังคมให้รู้เท่าทันและทราบถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งเพื่อประสานงานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องอย่างทันท่วงที ที่สำคัญเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมในมิติวัฒนธรรมให้กับสังคม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบจากการก้าวเข้าสู่ยุคสื่อใหม่ ซึ่งเป็นการหลอมรวมเทคโนโลยีสื่อ เข้าด้วยกัน ทำให้สื่อออนไลน์ มีบทบาทต่อชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมหลากหลายด้าน ซึ่งกลายเป็นช่องทางรับรู้ข่าวสารที่ทรงอิทธิพลมากในยุคปัจจุบัน” ปลัด วธ. กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง