ปี 64 พบคนไทยติดเชื้อ HIV กว่า 5แสนคนย้ำ ตรวจเร็ว รู้ก่อน ก้าวต่อได้

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์ผู้ป่วยเอชไอวีของประเทศไทย ปี 2564 พบมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 520,345 คน และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง 491,017 คน คิดเป็นร้อยละ 94 ซึ่งยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่ยังไม่ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง เนื่องจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏอาการ จะทราบได้ต่อเมื่อตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น กรมควบคุมโรค จึงส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับบริการตรวจคัดกรองเพื่อทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว ทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวีดีขึ้น และลดการเสียชีวิตในผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้ สำหรับการรณรงค์ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “HIV ตรวจเร็ว รู้ก่อน ก้าวต่อได้” เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงการรู้สถานะการติดเชื้อของตนเองและเข้ารับบริการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี สำหรับคนไทยทุกคนที่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทุกสิทธิ์การรักษา สามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรี ปีละ 2 ครั้ง ในทุกโรงพยาบาลที่ให้บริการภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง โดยปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ชุดตรวจจากการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือ รู้ผลภายใน 1 นาที และชุดตรวจโดยใช้สารน้ำในช่องปาก รู้ผลภายใน 20 นาที การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองมีข้อดี คือ สะดวก มีความเป็นส่วนตัว สามารถตรวจและทราบผลได้ด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ที่ต้องการรู้ว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่แต่ไม่สะดวกเดินทางไปโรงพยาบาล โดยสามารถหาซื้อชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองได้ที่ร้านขายยาทั่วไป แต่ในปัจจุบันอาจยังมีการจำหน่ายไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ หากผลการตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเองเป็นบวก ควรตรวจยืนยันผลที่โรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา รับยาต้านไวรัสโดยเร็ว เพื่อให้สามารถกดปริมาณไวรัสในกระแสเลือดได้สำเร็จ ลดโอกาสเสี่ยงต่อการ เป็นโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา วัณโรคในปอดหรือต่อมน้ำเหลือง ปอดอักเสบ งูสวัด ตาบอดจากไวรัสขึ้นจอตา และโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น นอกจากนี้ การคงอยู่ในระบบการรักษา การกินยารักษาต่อเนื่อง ตรงเวลา สม่ำเสมอ จะทำให้ปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่ำมากจนตรวจไม่พบเชื้อ จะไม่ถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น ส่งผลต่อการลดการติดเชื้อรายใหม่ ลดการเสียชีวิต และผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้ตามปกติ กรมควบคุมโรค จึงขอเชิญชวนหน่วยงาน และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ร่วมกันรณรงค์ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม เพื่อให้ประชาชนทุกคนเข้าใจและเห็นความสำคัญ ของการรู้สถานะการติดเชื้อของตนเองโดยเร็ว และเริ่มรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องจนสามารถกดปริมาณไวรัสได้สำเร็จ จนไม่ถ่ายทอดเชื้อ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อน และสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อย่างยืนยาว สามารถติดตามกิจกรรมรณรงค์ต่างๆ ได้ทาง Facebook Page กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค และเพจ Safe SEX Story

ข่าวที่เกี่ยวข้อง