กระแสใช้รถ EV – รถไฟฟ้าสาธารณะมาแรง ถึงเวลาลดใช้น้ำมันอย่างจริงจัง

ในยุคที่ราคาน้ำมันแพงการเดินทางสัญจรรวมถึงการเลือกใช้ยานพาหนะที่ไม่ใช้น้ำมันหรือใช้น้อยลง ดูเป็นทางเลือกที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นลำดับ เห็นได้จากยอดจดทะเบียนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า100% หรือรถEVรายใหม่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากค่าน้ำมันที่สูงขึ้นขณะนี้ทำให้บางส่วนเลือกที่จะหันไปใช้บริการรถไฟฟ้าสาธารณะเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

การสนับสนุนให้เกิดกระแสการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งส่วนลดด้านภาษีและราคาที่จูงใจให้คนหันไปใช้EV ขณะเดียวกันก็มีมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการให้มาลงทุนใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิต ทั้งการผลิตแบบทั้งคัน แบตเตอร์รี่ และชิ้นส่วน EV โดยเป้าหมายสำคัญคือลดการพึ่งพาการใช้น้ำมัน และมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นเป้าหมายทั่วโลกนั้นให้ความสำคัญ

* 5 เดือนแรก ยอดจดทะเบียนรถEVพุ่งกว่าเท่าตัว *

ข้อมูลจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. พบสถิติรถยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนใหม่ในประเทศเดือน ม.ค.- พ.ค. 2565 โดยเฉพาะรถยนต์ประเภท BEV หรือรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า100% จดทะเบียนใหม่ถึง 5,702 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนถึง156.15%

ขณะที่ค่ายรถจากจีน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการผลิตและจำหน่ายรถEV ในไทย เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่ในไทยเป็นที่แรก พบว่าหลังเปิดให้จอง500คันแรกมีผู้สนใจจองหมดในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

สิ่งที่น่าสนใจคืออะไรทำให้ ความสนใจยานยนต์ไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบันที่มีราคาสูงน่าจะมีส่วนในการตัดสินใจไม่น้อย แต่อีกส่วนที่ต้องยกเครดิตให้ก็น่าจะเป็นมาตรการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล อย่าง การสนับสนุนเงินให้แก่ค่ายรถนำไปเป็นส่วนลดให้ประชาชนที่สนใจซื้อรถEVทั้งจักรยานยนต์และรถยนต์ คันละ18,000 -150,000 บาท รวมทั้งมีสถานีชาร์จไฟฟ้าทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนครอบคลุมในหลายพื้นที่ขึ้น จึงทำประชาชนมั่นใจหันมาใช้รถEV แทนการใช้รถน้ำมันมากขึ้น

* ระบบราง รถไฟฟ้าสาธารณะ คนใช้ทะลุ1ล้านคน/วัน ในสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง*

ขณะที่ระบบขนส่งสาธารณะในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพ ก็หันมาเน้นการใช้เชื้อเพลิงจากไฟฟ้าทดแทนการใช้น้ำมันมากขึ้น อย่างรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่มีเส้นทางครอบคลุมมากขึ้น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงเช่นนี้ปริมาณผู้โดยสารก็มากขึ้นตาม เห็นได้จากสถิติผู้โดยสารระบบรางทั้งรถไฟ, รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง, รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว, รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ตลอดสัปดาห์ของวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย.- วันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. มีผู้โดยสารรวมกันเกินวันละ 1 ล้านคน โดยเฉพาะวันที่ 24 มิ.ย. มีผู้โดยสารรวมมากสุดกว่า 1.15 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขใกล้เคียงกับปี 2562 ก่อนเกิดโควิด ที่มีผู้โดยสารเฉลี่ยในระบบรางรวมทั้งหมด 1.228 คน/วัน

* เดินหน้าพัฒนาเส้นทางรถไฟฟ้าให้ครอบคลุม เพิ่มความสะดวกแก่ประชาชน *

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความสะดวก ถือเป็นปัจจัยสำคัญให้คนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าที่เป็นระบบขนส่งมวลชนสาธารณะซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินหน้าอนุมัติและสร้างเพื่อให้เส้นทางเดินรถครอบคลุมการเดินทางเพิ่มความสะดวกมากขึ้นถึง 11 เส้นทาง รวม 204.9 กิโลเมตร โดยยังไม่รวมอีก 2 สาย คือสายสีน้ำตาล แคราย-มีนบุรี 21 กิโลเมตร และสายสีเทา วัชรพล-ทองหล่อ 16.25 กิโลเมตร ที่ยังอยู่ระหว่างการอนุมัติ ซึ่งหากรวม 2 สายนี้ไปด้วย ก็จะเป็น 13 เส้นทาง 242.15 กิโลเมตร ซึ่งหากทุกโครงการแล้วเสร็จจะทำให้คนอีกไม่น้อยที่หันมาเดินทางโดยรถไฟฟ้าสาธารณะ ยังไม่นับรวมถึงการนำรถเมล์ไฟฟ้าและเรือไฟฟ้ามาใช้ขนส่งคนเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งสาธารณะแบบ รถ-ราง-เรือ ซึ่งจะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในภาพรวมของประเทศไปได้

ที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ว่าการหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประชาชนที่มากขึ้น และการสนับสนุนของภาครัฐอย่างจริงจังทั้งการสนับสนุนผู้ประกอบการให้เข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการลดการพึ่งพิงน้ำมันที่นับวันจะน้อยลงและมีราคาแพงขึ้น และยังถือเป็นการปรับตัวเพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่หวังว่าจะเกิดขึ้นในไทยได้ในอนาคตอันไม่ไกลจากนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง