ตามที่สื่อมวลชน ได้นำเสนอข่าวการตรวจสอบโครงการปลูกป่าเพื่อลดปัญหาอุทกภัย และภาวะโลกร้อนในพื้นที่ป่าแก่งกระจานฯ เนื้อที่ 4,200 ไร่ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้งบประมาณเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ จำนวน 15,960,000 บาท นั้น
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2555-2556 คณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ได้มีการประชุมพิจารณาแผนงาน/โครงการ ซึ่งขอใช้เงินรายได้ฯของหน่วยงานต่างๆ ครั้งที่ 2/2555 เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2554 สำหรับอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เสนอโครงการปลูกป่าเพื่อลดปัญหาอุทกภัย และภาวะโลกร้อนในพื้นที่ป่าแก่งกระจานฯ เป็นจำนวนเงิน 15,960,000 บาท ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินรายได้ฯ มีมติเห็นชอบแผนงาน/โครงการดังกล่าว ต่อมากรมอุทยานแห่งชาติฯ จึงได้แจ้งผลการอนุมัติพร้อมส่งแผนการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการ ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินรายได้ฯ เพื่อส่งให้อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ดำเนินการตามแผนงาน
สำหรับขั้นตอนการดำเนินโครงการปลูกป่า สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ดำเนินการโดยการจ้างเหมาเอกชนปลูกป่า จำนวน 4 แปลง เนื้อที่รวมกัน 4,200 ไร่ ตามสัญญาจ้างเลขที่ 8/2555 ลงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ.2555 ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยการแต่งตั้งกรรมการกำหนดรายละเอียดและราคากลางในการดำเนินการปลูกป่า มีการแต่งตั้งกรรมการร่างขอบเขตของงาน มีการประกาศประกวดราคา ซึ่งทราบว่าผู้เสนอราคาส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นนิติบุคคล จึงทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบราคาในการจัดจ้างปลูกได้ ซึ่งจะทำให้การจัดจ้างไม่สามารถหาราคาที่เหมาะสมได้ จึงได้ดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัดศูนย์รวมพันธุ์ไม้ชะอำ เป็นผู้ชนะการประกวดราคาและทำสัญญาจ้างปลูก มีการแบ่งงวดงานออกเป็น 3 งวด และแต่งตั้งกรรมการตรวจการจ้างตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุฯ ซึ่งคณะกรรมการฯได้มีการตรวจรับงานเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนกรณีมีผู้ร้องเรียนว่า โครงการปลูกป่าดังกล่าวอาจมีการทุจริต โดยมีข้าราชการของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยนั้น กรมฯได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้ว แต่เนื่องจากมีการกล่าวหาว่า มีข้าราชการระดับอำนวยการสูงเกี่ยวข้องด้วย การดำเนินการทางวินัยตามหมวด 7 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ 2551 เป็นอำนาจของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 ที่ผ่านมา