จากกรณีที่ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำจนทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน นั้น
กระทรวงพลังงาน ร่วมมือกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รณรงค์เพิ่มการใช้น้ำมัน B20 ให้มากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน ประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.พ.62 มีมติขยายระยะเวลาการใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสร้างส่วนลดราคาน้ำมันดีเซล B20 ให้ต่ำกว่าน้ำมันดีเซลเกรดทั่วไป ลิตรละ 5 บาท ต่อไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. – 31 พ.ค.62
ให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 เร่งขยายเครือข่ายสถานีบริการ (ปั๊มน้ำมัน) ขยายกลุ่มผู้ใช้น้ำมัน B20 ไปยังกลุ่มรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก พร้อมผลักดันการใช้น้ำมัน B20 ปริมาณ 15 ล้านลิตร/วัน และ B7 ที่ 50 ล้านลิตร/ วันสามารถดูดซับ CPO ได้ 2 ล้านตัน/ปี ให้ได้ตามยุทธศาสตร์ปาล์มน้ำมันของประเทศ ปัจจุบันมีสถานีที่จำหน่ายน้ำมัน B20 จำนวน 116 สถานี และมี Fleet สำหรับให้บริการรถบรรทุกขนาดใหญ่ 173 แห่ง
โดยได้รับการตอบรับจากผู้ผลิตรถยนต์ 2 ราย ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว B20 เพื่อช่วยลดมลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศ พร้อมเร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดูดซับน้ำมันปาล์มของประเทศ
สำหรับรายงานสถิติยอดจำหน่ายน้ำมันดีเซล B20 ในเดือน มี.ค.62 กว่า 18 ล้านลิตร กระทรวงพลังงานจะมีการผลักดันให้ใช้ B20 ปริมาณ 15 ล้านลิตร/วัน และ B7 ที่ 50 ล้านลิตร/วัน จะสามารถดูดซับ CPO ได้ 2 ล้านตัน/ปี
กระทรวงพลังงานสั่งการให้ กฟผ. นำน้ำมันปาล์มมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางปะกง และได้ทำสัญญาซื้อน้ำมันปาล์มดิบกับโรงสกัดน้ำมันปาล์มผู้ขาย จำนวนทั้งสิ้น 31 ราย รวม 160,000 ตัน และจัดทำสัญญาร่วมกับผู้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ได้รับมอบน้ำมันปาล์มดิบแล้ว จำนวน 50,000 ตัน โดยใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณ วันละ 1,500 ตัน รวมปริมาณที่ใช้เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วมากกว่า 34,000 ตัน และอยู่ระหว่างการส่งมอบ 118,000 ตัน
นอกจากนี้ กฟผ. กำลังพิจารณาเพิ่มจุดรับซื้อเพิ่มเติมที่คลัง จ.สุราษฎร์ธานี โดยจะเร่งดำเนินการชำระเงินให้แก่โรงสกัดที่จัดทำเอกสารเรียกเก็บเงินครบถ้วนให้แล้วเสร็จภายใน 7 วันทำการ (จากเดิม 15 วันทำการ) เพื่อให้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มมีความสามารถในการรับซื้อผลปาล์มทะลายจากเกษตรกรได้มากขึ้น
