นายกฯ สั่งการจากดาวอส เร่งหน่วยงานแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการจากเมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ให้ส่วนราชการทุกส่วนที่ได้ร่วมประชุม ทั้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีและคณะทำงานส่วนราชการในการแก้ไขฝุ่นควัน เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรี ให้หน่วยงานต่างๆ เร่งแก้ไขปัญหาทันที ตามที่มีการกำหนดแนวทางในการประชุม และขอให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งการแก้ไขแบบเร่งด่วนทันที แผนการระยะสั้น และระยะยาว ขอหน่วยงานต่างๆ รายงานการดำเนินการทุกวัน โดยให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครตัดสินใจทันที ทั้งเรื่องการประกาศหยุดเรียนของนักเรียนในสังกัด กทม. โดยส่วนราชการอื่นๆ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการให้ตัดสินใจพิจารณาดำเนินการ และกำชับให้ กทม. ใช้ 9 มาตรการ เช่น เข้มงวดตรวจวัดตรวจจับรถยนต์ควันดำทุกประเภทร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามแผนที่กำหนด ขอความร่วมมือทำงานหรือปฏิบัติงานในที่พัก (Work From Home) เข้มงวดตรวจตราควบคุมไม่ให้มีการเผาขยะหรือการเผาในที่โล่งทุกประเภทอย่างเข้มข้น

  • กระทรวงอุตสาหกรรม ให้เข้มในการดำเนินมาตรการงดการรับซื้ออ้อยไฟไหม้ และได้กวดขันโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและปราบปรามเข้าตรวจสอบเป็นระยะ
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดกับผู้เผาป่า เผาตอซังข้าว ข้าวโพด อ้อยและพืช ในทุกหมู่บ้านทุกอำเภอทั้งประเทศ และตั้งศูนย์ปฏิบัติการในพื้นที่ 14 กลุ่มป่า ตั้งจุดเฝ้าระวังไฟในพื้นที่ป่า และแผนการจัดจ้างคนในชุมชนประจำจุดเฝ้าระวังอีก 1,585 จุด และดำเนินคดีกับผู้เผาป่า ด้วยกฎหมายป่าไม้ที่เกี่ยวข้องทุกฉบับและบังคับใช้กฎหมายกับผู้เผา อาทิ กฎหมายสาธารณสุข กฎหมายการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประมวลกฎหมายอาญา โดยให้รายงานสถิติการจับกุม
  • กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการห้ามนำเข้าอ้อยไฟไหม้ รวมทั้งพืชเกษตรอื่นๆ ที่ผ่านการเผาอย่างเด็ดขาดและให้ตรวจสอบตามด่านพรมแดนที่มีการนำเข้าอย่างเข้มงวด 
  • กระทรวงกลาโหม สั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง และกรมศุลกากรตรวจสอบการลักลอบการนำเข้าพืชที่ผ่านการเผาทุกชนิดตามแนวชายแดนต่างๆ อย่างเข้มงวดตลอดเวลา
  • กระทรวงคมนาคมและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขันจับกุม ห้ามใช้ยานพาหนะที่ปล่อยควันดำเกินมาตรฐานอย่างจริงจัง โดยเฉพาะรถปิคอัพ รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ รวมทั้งรถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมบริการเส้นทางต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลของรัฐ โดยขอให้ตรวจสอบและกวดขันการจับคุมให้เข้มข้น โดยในกรุงเทพมหานคร กองบังคับการตำรวจจราจรได้ตั้งด่านตรวจควันดำใน 4 มุมเมืองของกรุงเทพมหานคร
  • กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับ กทม. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ให้ควบคุมการก่อสร้างในเขตพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันการปล่อย PM2.5 จากไซต์งานก่อสร้าง รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดให้กับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรการดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามกฎหมายกับผู้เผาและให้รายงานสถิติการดำเนินการ
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตรขอให้ขึ้นบินปฏิบัติการต่อเนื่องการเจาะชั้นบรรยากาศเร่งระบายและลดการสะสมของฝุ่น PM2.5 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ อาทิ กรมการข้าว กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรในการทำเกษตรกรรมแบบปลอดการเผา
  • กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พัฒนา Platform ฐานข้อมูลกลางเกี่ยวกับ hotspot และ ventilation โดยใช้ข้อมูลจากดาวเทียม หรือ low cost sensors เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในการแก้ปัญหาการฟุ้งกระจายของ PM2.5 อย่างบูรณาการ
  • กระทรวงการต่างประเทศ หารือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อร่วมมือและให้ความช่วยเหลือในการลดปัญหาฝุ่นควันข้ามพรมแดน
  • กระทรวงสาธารณสุข ให้ สธ. ทั่วประเทศ เข้ม 5 มาตรการ

(1) ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขเตรียมพร้อม

(2) เร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุกและสร้างความรอบรู้ภัยสุขภาพ

(3) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ (สสจ.) จัดทีมปฏิบัติการทางการแพทย์ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบาง

(4) ขยายบริการด้านการแพทย์สาธารณสุขให้ครอบคลุม เช่น เพิ่มห้องปลอดฝุ่น มุ้งสู้ฝุ่น

(5) สนับสนุนอุปกรณ์เวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น หน้ากากอนามัย อย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ ในวันที่ 24 ม.ค. 68 นายกรัฐมนตรีจะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อประชุม กับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนอีกครั้ง

กรมฝนหลวงฯ เร่งลดฝุ่นใน พื้นที่ กทม.

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตรเร่งปฏิบัติการบรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ด้วยการใช้เทคนิคลดอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศผกผันด้วยการโปรยน้ำและโปรยน้ำแข็งแห้ง เพื่อเป็นการเจาะช่องบรรยากาศให้สามารถระบายฝุ่นละอองต่อไปได้ โดยแผนปฏิบัติการของกรมฝนหลวงฯ จะทำการบินทุกวันในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 10.00 น. และช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 14.00 น. ใช้เวลาบินประมาณ 20 – 30 นาที

โดยเป็นปีแรกที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำการบินในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยจะบูรณาการร่วมกับ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด แก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในการกำหนดชั้นความสูงและกำหนดพื้นที่ในกรุงเทพฯ ชั้นในเพื่อทำปฏิบัติการลดฝุ่น ซึ่งบางจุดต้องมีการปรับเปลี่ยนเส้นทางการบินของเครื่องบินเชิงพาณิชย์ชั่วคราว เพื่อให้การปฏิบัติการฝนหลวงได้อย่างปลอดภัย

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เตรียมขับเคลื่อนมาตรการบริหารจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังนี้

  • ภาคการเกษตรในระดับพื้นที่รวมทั้งมาตรการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรที่ไม่เผา จะได้รับการสนับสนุนด้านต่างๆ จากทางภาครัฐ
  • กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานในระดับภูมิภาค เร่งสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรได้ตระหนักถึงโทษของการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม และเตรียมความพร้อมในการปรับตัวเพื่อรองรับมาตรการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ด้วย
  • ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 68 กระทรวงคมนาคม ได้ส่งมอบท่าอากาศยานตาก ซึ่งเป็นท่าอากาศยานในสังกัดกรมท่าอากาศยาน ให้กรมฝนหลวงฯ เป็นผู้บริหารจัดการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67
    เพื่อพัฒนาปรับปรุงให้เป็นศูนย์หลักในการปฏิบัติการบินดัดแปรสภาพอากาศ เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ดับไฟป่า และแก้ไขปัญหา PM2.5

ค่า PM2.5 ยังมีแนวโน้มน่าเป็นห่วง

กรมควบคุมมลพิษ คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ระหว่างวันที่ 22-26 ม.ค. 68 พื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล จะมีค่าสูงและอยู่ในระดับสีแดงในบางพื้นที่ โดยเฉพาะหากสถานการณ์จุดความร้อนในประเทศสูงขึ้นและยังคงพบจุดความร้อนในประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออก (ทิศเหนือลม) ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครรายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงวันที่ 23-30 ม.ค. 68 การระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ “ไม่ดี-อ่อน” ประกอบกับเกิดอินเวอร์ชันใกล้ผิวพื้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มลพิษทางอากาศแพร่กระจายได้อย่างจำกัด คาดว่าความเข้มข้นของฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแล้วทรงตัว ระหว่างวันที่ 22-24 ม.ค. 68และลดลงเล็กน้อย ในวันที่ 25-28 ม.ค. 68 เนื่องจากการระบายอากาศดีขึ้น

กทม. ออก 3 มาตรการรับมือช่วงฝุ่นสูง

มาตรการที่ 1 การขอความร่วมมือ Work From Home: WFH (22-24 ม.ค. 68) ขณะนี้มีเครือข่ายบริษัทเข้าร่วม WFH กว่า 200 แห่ง ประมาณกว่า 100,000 คน สำหรับ กทม. ได้มีการ WFH และเหลื่อมเวลาการทำงาน ซึ่งปีที่แล้วหลังประกาศ WFH สามารถรถปริมาณรถยนต์ลง 8%

มาตรการที่ 2 ออกประกาศห้ามรถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไปเข้าพื้นที่วงแหวนรัชดาภิเษก รวมพื้นที่ 9 เขต และแนวถนนผ่าน 13 เขต ยกเว้น EV, NGV, EURO 5 – 6 และรถที่ขึ้นทะเบียนบัญชีสีเขียว (Green List)
ตามมาตรการเขตมลพิษต่ำ หรือ Low Emission Zone (LEZ) โดยมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 23 ม.ค. 68 เวลา 00.01 น. ถึงวันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68 เวลา 23.59 น. คืนแรกพบรถบรรทุกฝ่าฝืนเข้าพื้นที่ห้าม 725 คัน และพบว่ายังมีประชาชนและผู้ประกอบการบางส่วนยังไม่ได้ลงทะเบียน

มาตรการที่ 3 ได้แก่ การประกาศปิดโรงเรียน สังกัด กทม. โดยระยะเวลาการปิดจะพิจารณาจากค่า PM2.5 โดยมีคำสั่งปิดโรงเรียนแล้ว รวม 195 โรงเรียน (23-24 ม.ค. 68) จะมีการเรียนออนไลน์ หรือชดเชยการเรียนการสอนแล้วแต่กรณี ในช่วงนี้ต้องความร่วมมือพี่น้องประชาชนเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ

สพฐ. ปิดโรงเรียน 7 วัน เบื้องต้น 57 แห่ง

ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กำชับและแจ้งเตือนให้ผู้บริหารสถานศึกษาและผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาติดตามสถานการณ์และตรวจสอบระดับคุณภาพอากาศในพื้นที่ และให้สถานศึกษาปรับรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างเข้มแข็ง

  • โรงเรียนใดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ค่าฝุ่น PM2.5 มีผลกระทบต่อสุขภาพ (ค่าสีแดง) ให้อำนาจแก่ผู้บริหารโรงเรียน สามารถสั่งปิดเรียนได้ทันทีเป็นเวลา 7 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นจะคลี่คลาย แล้วปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์หรือมอบหมายใบงาน ติดต่อกับครูทางออนไลน์แทน
  • โดยช่วงสัปดาห์นี้ จนถึงอย่างน้อยวันที่ 26 ม.ค. 68 ในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคเหนือ จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5
  • หลายโรงเรียนสังกัด สพฐ. ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครสามารถรับมือกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี มีการปรับกิจกรรมการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์และประกาศหยุดเรียนในช่วงสัปดาห์นี้ จำนวน 57 แห่ง ได้แก่
  • โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร (สพป.) จำนวน 8 แห่ง
  • สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 1 (สพม.กทม. เขต 1) จำนวน 7 แห่ง
  • สังกัด สพม.กทม. เขต 2 จำนวน 42 แห่ง

สธ. วางมาตรการเข้มดูแล-ป้องกัน PM2.5

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 1/2568 (22 ม.ค. 68) มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับมาตรการป้องกันและการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่จะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 มีค่าเกินมาตรฐานจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายพื้นที่ โดยมีการกำหนดแนวทางปฏิบัติในการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคหรืออาการที่เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM2.5

  • การประกาศเขตพื้นที่ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง การป้องกัน และการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมตามมาตรา 14 (2) ซึ่งเป็นการเสนอเขตพื้นที่ฯ เป็นการเฉพาะต่อคณะรัฐมนตรี
  • ตามมาตรา 35 ให้อธิบดีกรมควบคุมโรคหรือผู้ซึ่งอธิบดีกรมควบคุมโรคมอบหมาย โดยคำแนะนำของคณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อมจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร
    มีอำนาจประกาศเขตพื้นที่ รวมทั้งประกาศยกเลิกเมื่อมีเหตุอันสมควรหรือสภาวการณ์ของโรคนั้นสงบลง โดยจะกำหนดเป็นเขตพื้นที่ควบคุมโรค เมื่อจังหวัดมีค่าเฉลี่ยปริมาณฝุ่น PM2.5 ในรอบ 24 ชม. มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. ระยะเวลาหนึ่ง และยกเลิกเมื่อค่า PM2.5 น้อยกว่า 37.5 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกัน 7 วัน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีข้อแนะนำว่าเมื่อค่าฝุ่นเกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. ควรยกระดับมาตรการเฝ้าระวังสุขภาพอย่างเข้มข้น
  • ทั้งนี้ เมื่อมีการประกาศเป็นเขตพื้นที่เสี่ยงแล้ว ควรมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ดังนี้

1) สนับสนุนหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 แก่ประชาชนกลุ่มเปราะบาง (เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคหืดและโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดยพิจารณาชนิดหน้ากากตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ

2) ออกประกาศ Work From Home / ทำงานผ่านระบบออนไลน์ และงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง

3) จัดทำศูนย์พักคอยกลุ่มเปราะบาง และผู้มีโรคประจำตัว

4) ขอความร่วมมือเกษตรกร เจ้าของสถานประกอบกิจการและผู้ประกอบการขนส่งดำเนินการลดฝุ่น ในส่วนของโรงพยาบาลให้จัดทำห้องปลอดฝุ่นสำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น ห้องเด็กแรกคลอด ห้องพักหลังคลอด

สธ. เปิดศูนย์ฯ สื่อสารเชิงรุกดูแลสุขภาพจาก PM2.5

กระทรวงสาธารณสุข แถลงแนวทางการดูแลสุขภาพจากสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 จากการคาดการณ์ล่วงหน้า 7 วัน ระหว่างวันที่ 23-29 ม.ค. 68 พื้นที่ กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก ยังคงมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานในระดับสีส้ม ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 อย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

สำหรับการป้องกันตนเองจากฝุ่นให้ปฏิบัติตามแนวทาง “เช็ก-ใช้-เลี่ยง-ลด-ปิด” คือ เช็กค่าฝุ่นจากแอปพลิเคชัน Air4Thai หรือ Life Dee ก่อนออกจากบ้าน ใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นทุกครั้ง เช่น หน้ากาก N95 เลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งและเฝ้าระวังสุขภาพโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ลดกิจกรรมก่อฝุ่น เช่น การจุดธูป การปิ้งย่าง การเผา การสูบบุหรี่ รวมถึงตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำ และปิดประตู หน้าต่าง ให้มิดชิด หมั่นทำความสะอาดที่พัก หรือทำห้องปลอดฝุ่น หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามสายด่วนกรมอนามัย 1478 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

  • พื้นที่ที่มีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 ในรอบ 24 ชม. มากกว่า 75 มคก./ลบ.ม. ติดต่อกัน 3 วัน จะถือเป็นพื้นที่สีแดง ซึ่งกรมควบคุมโรคจะร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่คัดกรองสุขภาพเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงและให้ความรู้สุขภาพกับประชาชน โดยตั้งแต่ 1 ต.ค. 67–14 ม.ค. 68 ได้ออกคัดกรองสุขภาพรวม 517 ราย ใน 9 จังหวัด พบผู้ที่มีอาการใน 4 กลุ่มโรค (ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือด ตา ผิวหนัง) 77 ราย ส่วนใหญ่เป็นระบบทางเดินหายใจ รองลงมาคือ ตา
  • คณะกรรมการควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม ได้เตรียมออกแนวทางในการประกาศพื้นที่ควบคุมโรคจากฝุ่น PM2.5 เพื่อให้ผู้บริหารในพื้นที่สามารถดำเนินมาตรการ   ต่างๆ ได้อย่างเข้มข้น อาทิ การออกประกาศ Work From Home การสนับสนุนหน้ากากป้องกันฝุ่น
  • กรมการแพทย์ได้จัดทำคลินิกมลพิษออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการติดตามข้อมูลข่าวสาร ความรู้ ตรวจสอบค่าฝุ่น ประเมินอาการตนเองเบื้องต้นและพบแพทย์ ผ่านทาง LINE ID : @pm2.5 ปัจจุบันมี 177 แห่ง ครอบคลุม 13 เขตสุขภาพทั่วประเทศ และยังได้ร่วมกับ Line หมอพร้อม เพื่อเพิ่มช่องทางเข้าถึงบริการมากขึ้น

โดยในปี 2568 มีผู้ป่วยเข้ารับบริการผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ 298 ราย เป็นอาการระบบทางเดินหายใจมากที่สุด 75% รองลงมา คือ โรคตา 42% และโรคผิวหนัง 21%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง