นายกฯ แถลงผลการจับกุมคลังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ ของประเทศ กว่า 260,000 ชิ้น มูลค่ากว่า 130 ล้านบาท

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี และคณะ ร่วมแถลงผลปฏิบัติการบุกจับทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ Operation Smoke Out โดยมีเป้าหมายเป็นศูนย์กระจายสินค้า หรือคลังบุหรี่ไฟฟ้า อันดับ 1 ของประเทศไทย ที่นำเข้า – ส่งออกจำหน่ายในเครือข่ายกว่า 100 เครือข่ายทั่วประเทศ ณ โกดังแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวแสดงความชื่นชมตำรวจและหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าและยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของภาครัฐในการปราบปรามผู้ค้าและเครือข่ายรายใหญ่ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน

นอกจากนี้ รัฐบาลได้เน้นย้ำไปยังกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้เดินหน้าสร้างการรับรู้ สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก เยาวชนและประชาชนอย่างจริงจัง ถึงโทษ ผลกระทบและบทลงโทษของผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ส่วนกลุ่มผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้ารายย่อย ภาครัฐก็จะเร่งดำเนินการควบคู่กันไปอย่างจริงจังเช่นกัน พร้อมเน้นย้ำว่า หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐ หรือตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดเช่นเดียวกัน ไม่ละเว้น

สำหรับปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดสืบได้ซุ่มสืบ รวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานอย่างต่อเนื่องถึง 8 เดือน จากนั้นตำรวจนครบาล พร้อมด้วย ตำรวจภูธรภาค 1, ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี, พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี นำกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า 10 จุด ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี สามารถยึดของกลางเป็นอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า เช่น พอตพร้อมใช้, หัวพอต, น้ำยาส่วนควบ เติม แต่งกลิ่นต่างๆ จำนวนกว่า 260,000 ชิ้น รวมมูลค่ากว่า 130 ล้านบาท โดยในจุดใหญ่ที่เข้าตรวจค้นเป็นโกดังสำหรับเปิดให้เช่าลักษณะคล้ายคลังสต็อกสินค้า ส่วนในจุดอื่นๆ จำแนก เป็นโกดัง 5 จุด และบ้านพัก 5 จุด พบผู้เกี่ยวข้อง 5 ราย ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ดูแล ผู้ขนส่งสินค้า ฝ่ายจัดจำหน่าย ส่วนเจ้าของโกดัง เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างเฝ้าติดตาม สืบสวนขยายผลอยู่ แต่เชื่อว่าทั้ง 10 ที่เป็นเจ้าของเดียวกัน

การจับกุมในครั้งนี้ถือเป็นการตรวจค้นครั้งใหญ่และมีมูลค่าสูง โดยเจ้าหน้าที่จะขยายผลถึงระดับผู้บงการ ผู้นำเข้า เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง