นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงและนำเสนอวิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030″ ในเวทีการประชุมผู้นำ BIMSTEC

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้นำความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ หรือ BIMSTEC ครั้งที่ 6 พร้อมผู้นำและผู้แทนสมาชิกจากอินเดีย เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา เมียนมา บังกลาเทศ ก่อนกล่าวถ้อยแถลงเปิดการประชุม นายกรัฐมนตรี กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศไทย ขอให้ผู้เข้าร่วมประชุมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้

จากนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับ และหารือแนวทางเสริมสร้างความร่วมมือการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ในกลุ่มสมาชิก BIMSTEC ที่มีประชากรกว่า 1,800 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 22 ของประชากรโลก และมี GDP รวมกันประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นำไปสู่การสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนในอนาคต

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี เสนอ“วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ 2030” ในที่ประชุม เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง ส่งเสริมความเชื่อมโยงและการเสริมสร้างศักยภาพในการรับมือกับปัญหาระดับโลก เสนอให้สมาชิกเร่งผลักดันการจัดทำ BIMSTEC FTA ปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการขนส่งทางทะเล เป็นการเชื่อมโยงเส้นทางการค้าทางทะเลที่มีประสิทธิภาพและโครงการ Landbridge ของไทย เสริมการเชื่อมโยงระหว่างอ่าวไทยกับอ่าวเบงกอล พร้อมมือกับทุกฝ่ายเร่งรัดการก่อสร้างทางหลวงจะเชื่อมโยงประเทศไทยไปยังเมียนมาจนถึงอินเดียให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ตลอดจนเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความสามารถทางเทคโนโลยี รับมือกับความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนความยืดหยุ่น ความท้าทายระดับโลก ตอบสนองต่อความท้าทาย ไทยเสนอจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเวชศาสตร์เขตร้อน รวมถึงจัดการภัยพิบัติ ซึ่งไทยสนับสนุนข้อเสนอของอินเดียในการจัดตั้ง “ศูนย์จัดการภัยพิบัติ BIMSTEC” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตอบสนองต่อภัยธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเตือนภัย พร้อมสนับสนุนจัดการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านความร่วมมือการจัดการภัยพิบัติของ BIMSTEC ครั้งที่ 2 เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยธรรมชาติ ไทยยังเน้นย้ำถึงการ แก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ ขอความร่วมมือจากประเทศสมาชิกในการดำเนินการตามอนุสัญญา BIMSTEC ว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติและการค้ายาเสพติด เพื่อยกระดับความมั่นคงในภูมิภาคและความยืดหยุ่นพร้อมต่อการตอบสนองต่อภัยพิบัติ ย้ำว่า การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ ทั้งในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาค SMEs จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตของ BIMSTEC ประเทศไทยได้เสนอจัดตั้งสภาที่ปรึกษาธุรกิจ BIMSTEC เพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะยาว

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ ระหว่างประชาชนใน BIMSTEC โดยการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในภูมิภาค การสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวที่เชื่อมโยงสถานที่สำคัญระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจร่วมกัน เน้นย้ำถึงบทบาทของ BIMSTEC ในการส่งเสริมสันติภาพและความมั่งคั่งร่วมกัน โดยประเทศไทยในฐานะประธานปัจจุบันของกรอบ ACD. มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือระหว่าง BIMSTEC กับเวทีระหว่างประเทศอื่นๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

ในช่วงท้าย ที่ประชุมฯ ได้ร่วมกันรับรองปฏิญญาการประชุมผู้นำ     บิมสเทค ครั้งที่ 6 นอกจากนี้ ยังมีการประกาศให้บังกลาเทศเป็นประธาน BIMSTEC ลำดับถัดไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีมั่นใจว่าบังกลาเทศจะนำพา BIMSTEC ไปสู่ความสำเร็จ และความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง