นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวอวยพร เนื่องในวันสงกรานต์ พ.ศ. 2568 “สวัสดีวันสงกรานต์ สวัสดีปีใหม่ไทย เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ วันผู้สูงอายุ และวันครอบครัว ขอคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ให้ทุกท่านมีความสุข สุขกาย สุขใจ เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ใช้เวลากับครอบครัวและคนที่ท่านรักในช่วงวันหยุดปีใหม่ไทยอย่างเต็มที่ สำหรับท่านที่ไม่ได้เดินทางกลับบ้าน ขอให้เป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อนและสำหรับท่านที่ต้องทำงานในช่วงวันหยุดนี้ ขอส่งกำลังใจ แม้ทำงานก็ขอให้ทำงานอย่างมีความสุข สนุกไปกับบรรยากาศของวันสงกรานต์ สุดท้ายนี้ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจการทำงานของรัฐบาล เราจะก้าวสู่ปีใหม่ไทยอย่างมั่นคง เต็มไปด้วยโอกาส เราพร้อมดูแลพี่น้องประชาชนในทุกช่วงเวลา ขอให้มีความสุขมากๆ”
ที่บริเวณถนนราชดำเนินในและท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Maha Songkran World Water Festival 2025 จัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระหว่างวันที่ 11 – 15 เมษายน 2568 โดยมีคณะรัฐมนตรี รวมทั้งนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ คณะทูตานุทูต ภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ร่วมกิจกรรมอย่างเนืองแน่น
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงาน Maha Songkran World Water Festival ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเป็นปีที่ 2 ว่า ปีนี้เป็นงานใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาคเอกชน ภาครัฐ และภาคประชาชน โดยปีนี้พัฒนามาจากปีที่แล้ว คาดว่าปีหน้าจะต้องน่าสนใจมากขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่กรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่รวมถึงทุกจังหวัดของประเทศไทยสามารถทำให้ทั่วโลกรู้ว่าประเทศไทยเดือนเมษายนเป็นเดือนเทศกาลสงกรานต์ ที่นักท่องเที่ยวสนใจและปักหมุดเป็นจุดหมายปลายทางของทั่วโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การยกระดับเทศกาลสงกรานต์อย่างเป็นรูปธรรม ทำให้พัฒนาในเรื่องของวัฒนธรรมไทย เมื่อใส่เทคโนโลยี ความทันสมัย ความคิดสร้างสรรค์เข้าไป จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเพณีของไทยและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของทั้งกรุงเทพฯ และทั้งประเทศได้อย่างน่าสนใจ โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้ทุกๆ เดือนของประเทศไทยสามารถเที่ยวได้ทุกจังหวัด เช่น เดือนเมษายน มีเทศกาลสงกรานต์ เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นเดือนและดำเนินต่อเนื่อง ไปจบที่วันไหลในวันที่ 25 – 27 เมษายน นักท่องเที่ยว เที่ยวได้เกือบทั้งเดือน ดังนั้น เทศกาลสงกรานต์ไม่ใช่แค่จัดเพียงแค่ 2 – 3 วัน นอกจากการจัดงานมหาสงกรานต์ที่สนามหลวงแล้ว ทุกจังหวัดทั่วประเทศก็ร่วมจัดงานด้วยเช่นกัน ดังนั้น การอยู่ต่อของนักท่องเที่ยวจะอยู่นานขึ้น ไม่ใช่แค่เพียง 2 – 3 วัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียนได้อย่างดี
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวขอขอบคุณความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่ทำให้งานนี้เกิดขึ้นอย่างสวยงาม
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กรุงเทพมหานคร กระทรวงวัฒนธรรม ภาคเอกชนและภาคประชาชน หวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน Maha Songkran World Water Festival จะสร้างประสบการณ์และความทรงจำที่ดีให้กับทุกคน
ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. หน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ร่วมกันพลิกโฉมประเทศไทยด้วยนวัตกรรมและความสร้างสรรค์ที่จะมาต่อยอดวิถีแห่งวัฒนธรรม บริเวณท้องสนามหลวง สร้างเสน่ห์ให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางมาเยือน โดยตั้งเป้าหมายที่จะให้ประเทศไทยติด 1 ใน 10 สุดยอดประเทศเฟสติวัลระดับโลก ภายใต้แนวคิด Amazing Thailand Grand Tourism & Sports Year 2025 พร้อมยกระดับการดูแลนักท่องเที่ยวผ่านแอปฯ Thailand Tourist Police ที่มีฟังก์ชัน SOS และบริการล่าม 8 ภาษา ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมเฉลิมฉลองสงกรานต์ไทยอย่างปลอดภัยและไร้กังวล คาดว่า ช่วงจัดงานวันที่ 12-16 เมษายนนี้ จะสร้างรายได้ให้กับประเทศประมาณ 26,000 ล้านบาท และเชื่อมั่นว่าการจัดงาน Maha Songkran World Water Festival 2025 ในปีนี้จะสามารถนำเสนอต้นทุนทางวัฒนธรรม ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ที่โดดเด่นตลอดจนความพร้อมเพรียงและศักยภาพของคนไทยและของประเทศไทย ในการยอมรับการจัดอีเวนท์ใหญ่ ๆ นำไปสู่การตอกย้ำภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย และบรรลุเป้าหมายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยติด
1 ใน 10 สุดยอด Festival ของโลกต่อไป
ทั้งนี้ ก่อนเปิดงาน นายกรัฐมนตรีได้รับชมขบวนรถพาเหรดมหาสงกรานต์ ในรูปแบบขบวนแห่คานิวัล Soft Power ตามแนวคิด THAINESS ICONIC มี 8 ขบวน พร้อมนักแสดงกว่า 500 ชีวิตร่วมขบวน ได้แก่ ขบวนสายน้ำบันดาลสุข ขบวนสีสันแห่งฤดูกาล ขบวนสมบูรณ์พูนแซ่บ ขบวนช้างไทยแสนรู้ ขบวนเชิดชูค่าปลากัดไทย ขบวนมหรสพวิถี ลีลาสยาม ขบวนตุ๊กตุ๊ก รถแห่หมอลำซิ่ง และขบวนสงกรานต์วัยใส ที่ได้แห่ขบวนนำส่งความสุข พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้รับชมการแสดงชุด “สุขสราญมหาสงกรานต์” ต่อด้วยชมการแสดงโดรนแปรอักษร 3 มิติ จำนวน 1,200 ลำ
ส่วนการสนับสนุนและการสร้างความมั่นใจให้กับการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากนั้น นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธานเปิดงานเทศกาลสงกรานต์ระดับนานาชาติ และร่วมสืบสานประเพณี “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมือง” จังหวัดเชียงใหม่ โดยในวันที่ 13 เมษายน 2568 ที่ “ข่วงประตูท่าแพ” (ฝั่งถนนชัยภูมิ) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน “Amazing Songkran Chiangmai x Boryeong Mud Festival 2025” ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวระหว่างไทยกับประเทศเกาหลีใต้
ภายในงานนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดงาน “อุโมงค์น้ำ Maha Songkran Chiang Mai Amazing Water Splash” และปล่อยขบวน “ตุ๊ก ตุ๊ก ไทยแลนด์ มหาม่วน มหามันส์” และร่วมกิจกรรมต่างๆ กับนักท่องเที่ยว จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำพิธีสรงน้ำพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเดินทางต่อไปยัง ลานเมญ่าสแควร์ ศูนย์การค้าเมญ่า อำเภอเมืองเชียงใหม่ เพื่อร่วมกิจกรรม “SF My Water World Songkran Festival 2025”
ในวันที่ 14 เมษายน 2568 นายกรัฐมนตรีจะร่วมงาน “ป๋าเวณีปี๋ใหม่เมืองสันกำแพง” ณ ชุมชนโหล่งฮิมคาว อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ภายในงาน จะรับชมการแสดงต้อนรับจากชาวชุมชนโหล่งฮิมคาว และร่วม สรงน้ำพระพุทธรูปและรดน้ำดำหัวผู้สูงอายุอำเภอสันกำแพง ตลอดจนเดินชม “เทศกาลตามรอยหัตถกรรม ความทรงจำสันกำแพง” ในกิจกรรม “10 โหม้งโหล่งผะญ๋า” และสินค้าของดี OTOP ของอำเภอสันกำแพง
นายจิรายุ ระบุว่า การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ทั้งเรื่องการส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทย รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว และนโยบาย “ซอฟต์พาวเวอร์” ของไทยที่ได้แปรเปลี่ยนมาเป็น สินค้าอันสำคัญของไทย และเป็นการแสดงเจตนารมณ์สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากผ่านกิจกรรมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน”
