ครม. ไฟเขียวงบ 1.84 หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 เสริมแกร่ง SMEs ไทย-หนุนการศึกษา

คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลัง ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เสนอ ดังนี้

1. รับทราบมติคณะกรรมการฯ ในคราวการประชุมครั้งที่ 4/2568 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 โดยรายงานความคืบหน้าการขอรับจัดสรรและผลการอนุมัติจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท (โครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2568 และการมอบหมายคณะอนุกรรมการกำกับและติดตามผลการดำเนินงานตามแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2

2. เห็นชอบข้อเสนอโครงการ/รายการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 ของกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (กองทุนเพิ่มขีดความสามารถฯ) และกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รวมวงเงินไม่เกิน 18,488.3679 ล้านบาท โดยอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (สกท.) และ กยศ. นำโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภายในกรอบวงเงิน 18,488.3679 ล้านบาท เป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งจะช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการขึ้นภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกา และเพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ในกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา ซึ่งจะเป็นการรองรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยชะลอตัวในปี 2568 และเป็นการวางรากฐานการเติบโตของประเทศในระยะยาว โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. โครงการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย

1.1 หน่วยงานดำเนินโครงการ: กองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน

1.2 วัตถุประสงค์: เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้พร้อมรับมือการแข่งขันทางเศรษฐกิจโลก ดึงดูดและรักษาการลงทุนจากผู้ประกอบการรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมายด้วยการบรรเทาผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกา และมาตรการภาษีส่วนเพิ่ม (Global Minimum Tax) และส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีและพัฒนาบุคลากร โดยเน้นการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมใหม่ในระยะสั้น และสนับสนุนการวิจัย การพัฒนาทุนมนุษย์ และการลงทุนเพื่อยกระดับขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว

1.3 กลุ่มเป้าหมาย: ผู้ประกอบการไทยที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีส่วนเพิ่ม (Global Minimum Tax) และ
ผู้ลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

1.4 งบประมาณ: 10,000 ล้านบาท โดยจัดสรรให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำหรับกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ

2. โครงการการลงทุนพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อรองรับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวในปี 2568

2.1 หน่วยงานดำเนินโครงการ: กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)

2.2 วัตถุประสงค์: เพื่อให้เงินกู้ยืมที่เป็นค่าครองชีพและค่าเล่าเรียน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการครองชีพระหว่างศึกษา สำหรับนักเรียนและนักศึกษาที่เป็นผู้กู้ยืมเงินรายใหม่และผู้กู้ยืมเงินรายเก่า ซึ่งจะทำให้นักเรียนและนักศึกษาได้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ไม่พักการศึกษาหรือเลิกการศึกษาในปีการศึกษา 2568

2.3 กลุ่มเป้าหมาย: นักเรียนและนักศึกษาที่เป็นผู้กู้ยืมเงินรายใหม่และผู้กู้ยืมเงินรายเก่า รวมจำนวน 139,481 ราย

2.4 งบประมาณ: 8,488.3679 ล้านบาท

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวด้วยว่า ข้อเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 เป็นไปตามหลักการและแนวทางการทบทวนการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน สำหรับเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประเทศสหรัฐอเมริกา 3 ด้าน ได้แก่

(1) การรับมือกับผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจเติบโตในอัตราต่ำ

(2) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ

(3) การพัฒนาทุนมนุษย์

ซึ่งข้อเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฯ ระยะที่ 2 ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาทุนมนุษย์ ทั้งนี้ ในระยะต่อไปคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจจะพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง