นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและติดตามการขับเคลื่อนป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมีนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 รายงานสรุป ณ ห้องประชุมพระพุทธประทานยศบารมี ตำรวจภูธรภาค จ.เชียงใหม่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สังคมไทยวันนี้รับรู้ว่ายาเสพติดเป็นเรื่องเร่งด่วน เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคมและประเทศชาติ ซึ่งต้องยอมรับว่า พี่น้องประชาชนทุกคนรู้สึกว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้าและทำให้เกิดความแตกแยกและพัวพันสังคมหลายส่วน รัฐบาลจึงกำหนดให้ยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ โดยบูรณาการทุกส่วนทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย ป.ป.ส. กระทรวงกลาโหม ร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาซึ่งดีขึ้นพอสมควร ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาร่วมปฏิบัติการที่ภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ สะท้อนผ่านการจับกุมที่มากขึ้น รวมทั้งมีกองทุนของ ป.ป.ส. มาช่วย ทั้งนี้ รัฐบาลกำหนดมาตรการครอบคลุมทุกมิติ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ทั้งป้องกัน ป้องปราม ปราบปราม และบำบัดรักษาควบคู่ไปกับการเอกซเรย์สถานที่อย่างเข้มข้น ทั้งในสถานบันเทิงควบคู่การปราบปรามผู้มีอิทธิพล
ด้านการป้องกัน เน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก เยาวชน และประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะในชุมชน สถานศึกษา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยฝ่ายปกครองต้องรับนโยบายไปช่วยผลักดันให้ไปถึงระดับหมู่บ้าน ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์กลางแกนกลาง มีนายอำเภอทุกอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน มากกว่า 7 แสนคน ถือเป็นกองกำลังอาสาของประชาชนที่สำคัญที่จะต้องเอกซเรย์ทุกหมู่บ้าน เพื่อส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการปราบปราม หากทำอย่างต่อเนื่องปัญหายาเสพติดก็จะคลี่คลายได้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ขอยืนยันว่ายาเสพติดเป็นเรื่องที่เราจะไม่ปล่อยปละละเลย จะดำเนินการกับผู้ค้ารายใหญ่และผู้ค้ายาเสพติดข้ามชาติที่ต้องประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระหว่างประเทศ เพราะส่วนใหญ่เป็นแหล่งผลิตจากนอกประเทศ และยังพบว่าขณะนี้มีการรวมกลุ่มกัน 4-5 คน เช่าบ้านตามชายแดนเพื่อที่จะเป็นแหล่งในการเก็บยาเสพติดและกระจาย ถ้าเราไม่ทำตั้งแต่วันนี้ก็จะบานปลายไปเรื่อย ๆ จนทำให้ภูมิภาคนี้และสังคมไทยเป็นสังคมง่อยเปลี้ย เราจะใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นควบคู่กับการประสานองค์กรระหว่างประเทศ จับกุมองค์กรค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก ทั้งปฏิบัติการ Seal Stop Safe และมี No Drugs No Dealers มาเสริม เพื่อให้ผู้ค้าหมดไปจากสังคมไทย”
ด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟู จะต้องร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ได้ย้ำว่าต้องมีศูนย์บำบัดฟื้นฟูอย่างน้อยจังหวัดละ 1 ศูนย์ กรมการปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัดต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง และติดตามประเมินผลว่า การบำบัดรักษาฟื้นฟูคืนคนดีให้กับครอบครัวและสังคม ยังมีข้อจำกัดอะไร ต้องแก้ไขปัญหาให้ถึงรากจริงๆ ต้องฝึกความอดทนและใช้กระบวนการทางการแพทย์เข้าไปช่วยเหลือให้กลับมาเป็น
คนดีได้จริงๆ
สำหรับภาพรวมการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดตามบัญชีรายชื่อที่สำรวจทั่วประเทศ จับกุมแล้ว 16,800 คน ยังเหลืออีกประมาณ 4,000 คน ในด้านการบำบัดรักษานำเข้าสู่กระบวนการรักษาแล้ว 140,000 คน ยังอยู่ระหว่างการรอบำบัดประมาณ 68,000 คน ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ถือเป็นยอดที่มีการพัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของประชาชนเป็นคำตอบของความสำเร็จ ตัวเลขไม่ใช่คำตอบสูงสุด แต่ถ้าประชาชนบอกว่าดีมาก ยาเสพติดหมดไปมีความสุข นั่นคือ ผลสำเร็จของการทำงาน
การดำเนินการบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและฝ่ายความมั่นคงในการป้องกันปราบปรามและสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 (พื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แพร่ น่าน พะเยา แม่ฮ่องสอน) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 – 18 สิงหาคม 2568 สามารถดำเนินการปราบปรามยาเสพติด ยาบ้า 222,091,726 เม็ด ไอซ์ 11,462.83 กิโลกรัม เคตามีน 1,842.92 กิโลกรัม เฮโรอีน 197.92 กิโลกรัม และฝิ่น 155.88 กิโลกรัม จับกุมผู้ต้องหา 20,265 ราย ขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินคดียาเสพติด 1,130,393,621 บาท
จากนั้น นายภูมิธรรม ได้เป็นประธานแถลงข่าวการจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 33 ร่วมกับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน 335 สกัดกั้นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด บริเวณพื้นที่บ้านป่าบงงาม ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จับกุมผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยานพาหนะ และขยายผลพิสูจน์ทราบและตรวจยึดของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) จำนวน 28 กระสอบๆ ละ 25 กิโลกรัม รวม 700 กิโลกรัม พร้อมด้วยรถยนต์ ซึ่งดำเนินการภายใต้ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ของรัฐบาล และปฏิบัติการ
No Drugs No Dealers หนุนเสริมให้ปฏิบัติการมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยให้ทุกส่วนร่วมกันเพื่อให้ยุติปัญหาภัยคุกคามยาเสพติดทุกระดับ
นายภูมิธรรม ย้ำว่า “ปฏิบัติการจับกุมครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่จับต้องได้ เป็นเครื่องยืนยันว่าเมื่อทุกหน่วยงานร่วมมือกันอย่างจริงจัง สามารถที่จะตัดวงจรการลำเลียงและการค้ายาเสพติดได้อย่างเป็นรูปธรรม เราต้องเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้สังคมไทยและประชาชนต้องเดือดร้อน จะไม่เป็นแค่ไฟไหม้ฟางที่จะหายไป จึงขอให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือกันอย่างจริงจัง พร้อมแสดงความชื่นชมและขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวสารให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อสร้างความเข้าใจและความร่วมมืออย่างกว้างขวาง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ยาเสพติดได้เข้ามาสู่สังคมไทย”
ด้าน พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยด้วยว่า ยาไอซ์ล็อตนี้มี Package เป็นตราทุเรียน จากการตรวจสอบถูกส่งมาจากย่างกุ้ง จะส่งไปที่ไต้หวันและพักยาที่อินโดนีเซีย ถือเป็นเคสที่ 6 ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีให้ ป.ป.ส. ได้ร่วมกับทางจีนและประเทศต่างๆ บูรณาการร่วมกันในลักษณะความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาให้หมดสิ้นอย่างยั่งยืน