เดินหน้าโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดในเขต EEC เสริมเสถียรภาพระบบไฟฟ้า หนุนการลงทุนกว่า 2 ล้านล้านบาท และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 32/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบการอนุญาตให้บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ประกอบกิจการพลังงาน เพื่อดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีกำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ และกำลังจ่ายไฟสูงสุด 15 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญาระยะเวลา 25 ปี เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมในพื้นที่

โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้กรอบมาตรการมาตรฐานและความปลอดภัย รวมถึงการจัดทำ Preliminary Code of Practice (CoP) เพื่อให้การติดตั้งและเชื่อมต่อระบบพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ตลอดจนยกระดับการจัดการพลังงานให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าและนักลงทุน

โครงการที่บี.กริมได้รับอนุญาตเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโรงไฟฟ้าแบบ Hybrid และ Co-Generation ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมเสถียรภาพของระบบไฟฟ้า ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดในระยะยาว และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรพลังงานในภาพรวม

อย่างไรก็ดี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีข้อสังเกตว่า ปัจจุบันกิจการไฟฟ้าฯ รับซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ. ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า การรับซื้อไฟฟ้าจากบี.กริมอาจทำให้ปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจาก กฟผ. ลดลง ส่งผลต่อการคาดการณ์กำลังผลิตและสำรองไฟฟ้าในภาพรวม โดยจึงเห็นควรให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) แจ้งข้อมูลปริมาณการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าของโครงการนี้แก่กระทรวงพลังงาน เพื่อใช้ประกอบการจัดทำแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่

การอนุญาตให้บี.กริมลงทุนพลังงานใน EEC เป็นสัญญาณสำคัญที่สะท้อนความพร้อมของประเทศไทย ในการจัดหาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานที่มั่นคงและยั่งยืน EEC ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนกว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะช่วยยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระดับโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง