รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 รัฐบาลได้กำหนดนโยบายสำคัญที่จะเป็นการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ เพื่อคืนความเชื่อมั่นและความสุขให้กับพี่น้องคนไทย โดยในด้านเศรษฐกิจ จะสร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้กับพี่น้องประชาชนในชีวิตประจำวัน อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด ค่าโดยสาร ค่าผ่านทาง เพื่อให้มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยขณะนี้กรมการขนส่งทางรางและสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรอยู่ระหว่างเร่งผลักดันกฎหมาย ร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. … และร่างพระราชบัญญัติตั๋วร่วม พ.ศ. … ประกาศใช้โดยเร็วเพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนการดำเนินมาตรการลดค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชนทางรางให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้กระทรวงคมนาคมเห็นควรให้มีการดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานครสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอดังนี้
1. ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ 2) โดยทบทวนมติดังกล่าว ซึ่งระบุว่า “ให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เรื่อง มาตรการอัตราค่าโดยสาร สูงสุด 20 บาท ตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล สำหรับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง สายนครวิถี (กรุงเทพอภิวัฒน์ – ตลิ่งชัน) และสายธานีรัถยา (กรุงเทพอภิวัฒน์ – รังสิต) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และรถไฟฟ้ามหานคร สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จากเดิมสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เป็นสิ้นสุดมาตรการวันที่ 30 กันยายน 2568”
2. การดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายรัฐบาล (ระยะที่ 2) เมื่อร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง พ.ศ. … และร่างพระราชบัญญัติตั๋วร่วมพ.ศ. … ประกาศใช้เพื่อรองรับการดำเนินงานที่เหมาะสมและชัดเจนแล้ว ให้กระทรวงคมนาคมรวบรวมข้อมูล ทั้งหมดเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง3. ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินมาตรการโดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปริมาณผู้โดยสารและรายได้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาระการชดเชยจากภาครัฐ และคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทางและการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาการดำเนินมาตรการดังกล่าวต่อไป
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการหาวิธีที่แก้ปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อลดภาระประชาชน และไม่เป็นภาระกับภาครัฐ หาวิธีที่เหมาะสมและจะนำเสนอเข้า ครม. ใหม่อีกครั้งภายใน 2 เดือน