คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะกรณีเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เป็นหน่วยงานหลักรับเรื่องนี้ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง จากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามสถานการณ์เด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสถานะบุคคล สิทธิอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร รวมถึงด้านสาธารณสุขที่แตกต่างกัน โดยได้แบ่งเด็กต่างด้าวออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
- เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน
- เด็กลูกหลานแรงงานต่างด้าว
- เด็กที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษา
- เด็กที่เดินทางไปกลับตามชายแดน
- เด็กในพื้นที่พักพิงชั่วคราว
โดยเด็กที่เดินทางไปกลับตามชายแดน และเด็กในพื้นที่พักพิงชั่วคราว ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐแล้ว สำหรับกลุ่มเด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน เด็กลูกหลานแรงงานต่างด้าว และเด็กที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษา คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้มีข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน รวมทั้งแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ หรือคำสั่งใด ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนต่อคณะรัฐมนตรีในครั้งนี้ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้
- ให้กระทรวงมหาดไทย ร่วม กับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประกาศผ่อนผันให้เด็กลูกหลาน
แรงงาน รวมทั้งเด็กที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษา ให้อยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว และกำหนดเขตพื้นที่ควบคุมและอนุญาตให้เด็กที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษาออกนอกพื้นที่ควบคุมได้ และจัดทำทะเบียนประวัติและออกบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยให้กับเด็กลูกหลานแรงงานต่างด้าว รวมทั้งเด็กที่เดินทางโดยลำพัง ด้วยเหตุผลทางการศึกษา ตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
- ให้กระทรวงศึกษาธิการ จัดให้มีระบบสารสนเทศกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียนในศูนย์การเรียนรู้
เด็กต่างด้าวให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมทั้งประสานส่งข้อมูลของเด็กเหล่านี้ให้กรมการปกครองจัดทำทะเบียนประวัติคนต่างด้าว
- ให้กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข จัดให้มีระบบประกันสุขภาพให้แก่นักเรียน
นักศึกษาต่างด้าว เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิด้านบริการสาธารณสุข รวมทั้งให้หารือสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์การขายประกันสุขภาพ เพื่อให้ผู้ปกครองนักเรียนนักศึกษาในสถานศึกษาหรือศูนย์การเรียนรู้เด็กต่างด้าวสามารถเลือกซื้อประกันสุขภาพได้ตามความเหมาะสม
อีกทั้ง นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ติดตามสถานการณ์ปัญหากรณีเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับปัญหาสถานะบุคคล สิทธิอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร รวมถึงสิทธิด้านสาธารณสุข จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลพบว่า เด็กต่างด้าวแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ที่มีปัญหาและอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษา ได้แก่ 1. เด็กที่ไม่มีสถานะทางทะเบียน 2. เด็กลูกหลานแรงงานสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม 3. เด็กสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ที่เดินทางโดยลำพังด้วยเหตุผลทางการศึกษา 4. เด็กที่เดินทางไปกลับตามชายแดน และ 5. เด็กพื้นที่พักพิงชั่วคราว โดยได้พิจารณาเอกสาร ความเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานของรัฐ องค์กรเอกชน บุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรายงานการลงพื้นที่ ตลอดจนบทบัญญัติของกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชนแล้ว เห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 รับรองสิทธิของเด็กทุกคนให้ได้รับการศึกษาเป็นเวลาสิบสองปี ตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 ได้ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่บุคคลที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยสามารถเข้าเรียนได้ โดยไม่จำกัดระดับ ประเภท หรือพื้นที่การศึกษา รวมทั้งการรับเข้าเรียน ลงทะเบียนนักเรียน นักศึกษา การออกหลักฐานทางการศึกษา และให้จัดสรรงบประมาณอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายรายหัวให้แก่สถานศึกษาในอัตราเดียวกันกับค่าใช้จ่ายที่จัดสรรให้แก่เด็กไทย ยกเว้นผู้หนีภัยจากการสู้รบให้จัดการเรียนในพื้นที่ สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (International Covenant on Economic, Social and Cultural Rights: ICESCR) และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child: CRC) ที่ได้รับรองสิทธิของเด็กทุกคนให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา ลดอัตราการออกจากโรงเรียนกลางคัน และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ ดังนั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีถึงข้อเสนอแนะกรณีเด็กไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทยเข้ารับการศึกษาในประเทศไทย เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาแนวทางและความเหมาะสม








