คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นหน่วยงานดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ภายในกรอบวงเงิน 44,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนถึงระดับฐานราก โดยภาครัฐให้การสนับสนุนเงินร่วมจ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการที่กำหนด ให้แก่ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เพื่อเพิ่มการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายย่อยทุกระดับมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการ ซึ่งเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประชาชน
ทั้งนี้ ภาครัฐอาจมีการกำหนดเงื่อนไขให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” มีการพัฒนาความรู้
ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) ในด้านความรู้ทางด้านการเงิน (Financial Literacy) หรือความรู้ทางด้านดิจิทัล (Digital Literacy) ผ่านแพลตฟอร์มหรือช่องทางที่กำหนด ซึ่งร้านค้า ที่ดำเนินการสำเร็จอาจจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับการเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในอนาคต
(10 พ.ย. 68) การประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 4/2568 ได้มีมติเห็นชอบให้ร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สามารถเลือกเข้าร่วมวิธีการ Upskill หรือ Reskill ได้ 3 ช่องทาง ได้แก่ (1) เข้าร่วมเป็นร้านค้าบน Food Delivery Platform (2) เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของธนาคารออมสิน (3) เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการ Upskill หรือ Reskill อย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น จำนวนไม่เกิน 400,000 ร้านค้าแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ร้อยละ 20 ของยอดขายที่เกิดจากโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการ Upskill หรือ Reskill สำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อร้านค้า
นอกเหนือจากการ Upskill หรือ Reskill ใน 3 ช่องทางที่ร้านค้าจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ยังให้การสนับสนุนเพิ่มเติมแก่ร้านค้าโดยร้านค้าสามารถเข้าร่วมและทดลองใช้งานสินค้าและบริการในบัญชีบริการดิจิทัลของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) ตามหมวดสินค้าและบริการที่กำหนดได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
(18 พ.ย. 68) คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบโครงการพัฒนาความรู้ทักษะ (Upskill) หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) สำหรับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” และกรอบวงเงินงบประมาณจำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยมอบหมายกระทรวงการคลัง โดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในรายละเอียด ที่ไม่ขัดกับหลักการโครงการ ๆ และหลักการโครงการคนละครึ่ง พลัส เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ และโครงการ คนละครึ่ง พลัส เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพ
2. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยจัดสรรให้แก่ สศค. สำหรับการดำเนินโครงการฯ
3. มอบหมายธนาคารออมสินและกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการฯ
โดยกระทรวงการคลัง เสนอแนวทางการดำเนินโครงการฯ ซึ่งเป็นการต่อยอดโครงการคนละครึ่ง พลัส ดังนี้
1. หลักการและเหตุผล: ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” มีลักษณะเป็นร้านค้าขนาดเล็กซึ่งมีศักยภาพที่จะเติบโตแต่ยังมีองค์ความรู้หรือทักษะไม่เพียงพอ จึงมีความจำเป็นต้องได้รับการ Upskill หรือ Reskill นำไปสู่การยกระดับศักยภาพของร้านค้าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพต่อไป
2. วัตถุประสงค์: เพื่อเร่งสร้างกระบวนการและแรงจูงใจให้แก่ร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส”
ให้สามารถเข้าถึงการ Upskill หรือ Reskill อย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยกระทรวงการคลังจะกำหนดเงื่อนไขให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” มีการ Upskill หรือ Reskill ผ่านแพลตฟอร์มหรือช่องทางที่กำหนด ซึ่งร้านค้าที่ดำเนินการสำเร็จจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเป็นแรงจูงใจในการพัฒนาทักษะดังกล่าว ทั้งนี้
ไม่เกินจำนวนสิทธิที่กำหนด
3. ระยะเวลาดำเนินการ: ตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 25 ธันวาคม 2568
4. กลุ่มเป้าหมาย: ร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จำนวนไม่เกิน 400,000 ราย
5. คุณสมบัติของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ:
5.1 เป็นร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ในวันก่อนเริ่มดำเนินการ Upskill หรือ Reskill
5.2 ได้ตกลงให้ความยินยอม (Consent) ตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และข้อตกลงเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของโครงการฯ ก่อนดำเนินการ Upskill หรือ Reskill
5.3 เข้าร่วมการ Upskill หรือ Reskill โดยใช้เลขประจำตัวประชาชน (กรณีบุคคลธรรมดา) หรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (กรณีนิติบุคคล) ที่ตรงกับการลงทะเบียนร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เท่านั้น
5.4 ร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ประเภทร้านอาหารและเครื่องดื่ม ที่เลือก Upskill หรือ Reskill กับ Food Delivery Platform รายใด จะต้องไม่เป็นร้านค้าที่อยู่ในฐานข้อมูลของ Food Delivery Platform รายดังกล่าวนั้น ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568
5.5 ไม่เป็นผู้ประกอบการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส”
5.6 ไม่เป็นผู้ที่ถูกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการของรัฐ ได้แก่ (1) โครงการคนละครึ่ง (2) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 (3) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 (4) โครงการ
คนละครึ่ง ระยะที่ 4 (5) โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 และ (6) โครงการคนละครึ่ง พลัส
ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบในภายหลังว่า ร้านค้ามีการกระทำผิดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการของรัฐข้างต้น จะถูกตัดสิทธิจากโครงการฯ
6. วิธีดำเนินการ:
6.1 ร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สามารถเลือกเข้าร่วมการ Upskill หรือ Reskill ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ดังต่อไปนี้
1) เข้าร่วมเป็นร้านค้าบน Food Delivery Platform
วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้ร้านอาหารและเครื่องดื่มในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สามารถขยายช่องทางการจำหน่าย เพิ่มฐานลูกค้า และเพิ่มรายได้ ผ่านการเข้าร่วมเป็นร้านค้าบน Food Delivery Platform ที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” รายใดรายหนึ่ง ได้แก่ Grab Lineman Robinhood และ ShopeeFood ทั้งนี้ ร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ประเภทร้านอาหารและเครื่องดื่มจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วม Food Delivery Platform รายใดรายหนึ่งบนแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 โดยมีผลการลงทะเบียนสำเร็จ และจะต้องไม่สมัครเข้าร่วม เป็นร้านค้าของ Food Delivery Platform รายนั้น ก่อนวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ตามฐานข้อมูล ณ วันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นอกจากนี้ ร้านค้าต้องมีคำสั่งซื้อที่ใช้สิทธิผ่านโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” อย่างน้อย 5 รายการ ภายในวันที่ 19 ธันวาคม 2568 จึงจะถือว่า ได้ดำเนินการ Upskill หรือ Reskill สำเร็จ
2) เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของธนาคารออมสิน
วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความรู้ทางการเงิน เช่น การจัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย การประกอบธุรกิจที่เข้าถึงได้ง่าย เทคนิคการตั้งราคาขาย เป็นต้น ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ธนาคารออมสินคัดเลือกแล้วว่า มีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” โดยผู้ประกอบการร้านค้าจะต้องผ่านการเรียนหลักสูตรตามที่ธนาคารออมสินกำหนด เข้าเรียนครบระยะเวลาหลักสูตร และมีการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยมีผลคะแนนหลังเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดและผลคะแนนหลังเรียนต้องสูงกว่าก่อนเรียน จึงจะถือว่า ได้ดำเนินการ Upskill หรือ Reskill สำเร็จ
3) เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การอบรมออนไลน์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
วัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะด้านการดำเนินธุรกิจให้ร้านค้าสามารถนำความรู้ไปต่อยอดในการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย และเพิ่มทักษะเทคโนโลยี โดยเรียนผ่านระบบอบรมออนไลน์ DBD Academy (e-Learning) ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในหลักสูตรที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าคัดเลือกแล้วว่า มีความเหมาะสมกับผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าจะต้องเลือกเรียนอย่างน้อย 1 หลักสูตร เข้าเรียนครบระยะเวลาหลักสูตร และมีการทำแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนโดยมีผลคะแนนหลังเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดและผลคะแนนหลังเรียนต้องสูงกว่าก่อนเรียน จึงจะถือว่าได้ดำเนินการ Upskill หรือ Reskill สำเร็จ
6.2 กระทรวงการคลัง โดย สศค. จะตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นร้านค้าในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ของผู้ประกอบการร้านค้าที่ธนาคารออมสิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ได้แจ้งว่าดำเนินการ Upskill หรือ Reskill ตามข้อ 6.1 สำเร็จ และประมวลผลเพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกอบการร้านค้าที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จำนวนไม่เกิน 400,000 สิทธิ โดยจะให้สิทธิแก่ผู้ประกอบการร้านค้าตามลำดับวันและเวลาที่ธนาคารออมสิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้าหรือผู้ให้บริการ Food Delivery Platform ได้แจ้งว่าดำเนินการ Upskill หรือ Reskill สำเร็จ ซึ่งจะประกาศผลผู้ประกอบการร้านค้าที่ได้รับสิทธิในวันที่ 23 ธันวาคม 2568 ผ่านข้อความบนแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” และข้อความสั้น (Short Message Service: SMS)
7. สิทธิประโยชน์: ร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการ Upskill หรือ Reskill อย่างใดอย่างหนึ่งใน
ข้อ 6 จำนวนไม่เกิน 400,000 ร้านค้าแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ ร้อยละ20 ของยอดขายที่เกิดจากโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการ Upskill หรือ Reskill สำเร็จ จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 ทั้งนี้ สูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อร้านค้า กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง จะโอนเงินดังกล่าวให้แก่ร้านค้าผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ที่ผูกกับแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ในวันที่ 25 ธันวาคม 2568
สำหรับกรณีโอนเงินไม่สำเร็จจะดำเนินการติดตามเพื่อโอนเงิน (Retry) ให้แก่ร้านค้าในวันที่ 30 มกราคม 2569 และในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2569 โดยเมื่อพ้นกำหนดดังกล่าว รัฐจะไม่โอนเงินให้แก่ร้านค้า และถือว่า ร้านค้าไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ จะช่วยให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” สามารถพัฒนาธุรกิจที่สอดคล้องกับลักษณะของการประกอบการของตนผ่านการเรียนรู้ทักษะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน Financial Literacy และ Digital Literacy เช่น การจัดทำบัญชี การเริ่มต้นธุรกิจ การตลาด ยุคดิจิทัล การส่งเสริมการขายหรือขยายช่องทางการจำหน่าย การประยุกต์ใช้ AI เป็นต้น นำไปสู่การยกระดับศักยภาพของร้านค้าซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไทยให้เกิดขึ้นได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพต่อไป
ความคืบหน้าการดำเนินโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 สรุปได้ ดังนี้
1. จำนวนร้านค้า: มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลแล้วทั้งสิ้น 893,196 ราย ในจำนวนนี้ มีร้านค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม ที่ลงทะเบียนกับผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ซึ่งประกอบด้วย (1) บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด (Grab) (2) บริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด (Lineman) (3) บริษัท เพอร์เพิลเวนเจอร์ส จำกัด (Robinhood) และ (4) บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด (ShopeeFood) สำเร็จแล้ว จำนวนทั้งสิ้น 70,456 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.89 ของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส”
2. จำนวนประชาชน: มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ครบจำนวน 20 ล้านราย เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2568 ประกอบด้วย
2.1 ประชาชนผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (แบบ ภ.ง.ด. 90 แบบ ภ.ง.ด. 91 และแบบ ภ.ง.ค. 95) ของปีภาษี 2567 ตามฐานข้อมูลของกรมสรรพากร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ซึ่งได้รับวงเงินสิทธิ 2,400 บาท จำนวน 7,928,858 ราย
2.2 ประชาชนทั่วไป ซึ่งได้รับวงเงินสิทธิ 2,000 บาท จำนวน 12,071,142 ราย
3. การใช้จ่าย: มีผู้ใช้จ่ายในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จำนวน 19.68 ล้านราย ยอดใช้จ่ายรวม ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 จำนวน 29,683.80 ล้านบาท ประกอบด้วย การใช้จ่ายส่วนของประชาชน 15,035.30 ล้านบาท (ร้อยละ 50.65) และเงินร่วมจ่ายของรัฐ 14,648.50 ล้านบาท (ร้อยละ 49.35) ทั้งนี้ ได้ใช้จ่ายกับร้านค้าทั้งสิ้น 822,775 ราย
4. วงเงินงบประมาณ: กระทรวงการคลัง โดย สศค. ได้รับจัดสรรงบประมาณในการดำเนินโครงการ
“คนละครึ่ง พลัส จากสำนักงบประมาณแล้วเป็นจำนวน 44,000 ล้านบาท ประกอบด้วย
1) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 25,000 ล้านบาท
2) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 19,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อคำนวณวงเงินสิทธิของประชาชนกลุ่มที่ได้รับวงเงินสิทธิ 2,400 บาท และกลุ่มที่ได้รับวงเงินสิทธิจำนวน 2,000 บาท จะมีวงเงินที่ภาครัฐต้องร่วมจ่ายในโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” เป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 43,171,543,200 บาท








