สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนคดีฉ้อโกงสถาบันการเงิน 2,800 ล้านบาท และคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเพื่อนร่วมชาติ พร้อมส่งตัวกลับประเทศจีนตามความร่วมมือทางการทูต

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., และ พ.ต.ท.ดุสิต ภูหงษ์เพชร รอง ผกก.1 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าการจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนในสองคดีสำคัญ ได้แก่ การฉ้อโกงสถาบันการเงิน และขบวนการคอลเซ็นเตอร์หลอกเพื่อนร่วมชาติ

สำหรับคดีแรก พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาจากประเทศจีนซึ่งใช้นามสมมุติว่า MR.PAN ได้ร่วมกับพวกหลอกลวงสถาบันการเงิน ทำให้เกิดความเสียหายรวมกว่า 560 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,800 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอีก 80 ล้านหยวน (ประมาณ 400 ล้านบาท) โดยตำรวจสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจของจีนได้ดำเนินการสืบสวนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2567 และทราบข้อมูลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ว่าผู้ต้องหาลักลอบหนีออกจากประเทศจีนเข้ามาอยู่ในประเทศไทย สตม. จึงติดตามและสามารถจับกุม MR.PAN พร้อมผู้ต้องหาอีก 3 คนที่เข้ามาหลบซ่อนในประเทศไทย ส่งตัวกลับประเทศจีนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ส่วนคดีที่สอง เกี่ยวกับแก๊งค้ามนุษย์และคอลเซ็นเตอร์ พล.ต.อ.ธวัชชัย กล่าวว่า ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจีนมณฑลเจียงซู ว่ามีผู้ต้องหา 3 คนสำคัญ ใช้เทคนิคหลอกลวงเพื่อนร่วมชาติให้เข้าร่วมทำงานคอลเซ็นเตอร์เพื่อหลอกลวงชาวจีน โดยเลือกผู้มีอายุไม่เกิน 40 ปี และมีฐานะยากจน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น WeChat และ Telegram หลังจากรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 3 คนในประเทศไทย พร้อมแฟนสาวหนึ่งราย ซึ่งทั้งหมดได้รับการส่งตัวกลับจีนตามกระบวนการความร่วมมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ

การสืบสวนของตำรวจเศรษฐกิจจีนตรวจสอบเส้นทางการเงิน บัญชีธนาคาร และการฟอกเงินอย่างละเอียด ทั้งนี้ การหลอกลวงในคดีคอลเซ็นเตอร์จะเน้นชาวจีนที่ต้องการมีรายได้สูงและถูกนำไปทำงานในสถานที่ตั้งสแกมเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาและกัมพูชา

ทั้งสองคดีสะท้อนความร่วมมือด้านการสืบสวนข้ามชาติระหว่างไทยและจีนในการปราบปรามอาชญากรรมการเงินและค้ามนุษย์ เพื่อให้ผู้กระทำผิดถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างครบถ้วน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง