รัฐบาล เร่งเยียวยาฟื้นฟูภาคใต้ เตรียมรับมือฝนตกหนักระลอกใหม่กลางเดือน ธ.ค. นี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ “กยศ.” ผ่อนผันการชำระหนี้ให้ผู้กู้ยืมที่ได้รับผลกระทบ

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสงขลา รวมถึงการติดตามและคาดการณ์แนวโน้มสถานการณ์ในระยะต่อไป โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) ทั้ง 18 ส่วนงาน ร่วมประชุมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์

นายศักดิ์ดา เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น พบว่าปัจจุบันสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงในหลายพื้นที่ แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ติดทะเลสาบสงขลาและพื้นที่ลุ่มต่ำและหลายพื้นที่ได้เข้าสู่กระบวนการของการฟื้นฟูพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ จึงขอเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานได้ประสานการปฏิบัติร่วมกันอย่างใกล้ชิด เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชน เพื่อคืนพื้นที่ชุมชน บ้านเรือน ห้างร้าน รวมถึงการขนย้ายและจัดการขยะ การดูแลระบบสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ประปา บ้านเรือนประชาชน ถนน และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ แม้ว่าจะสามารถกลับมาใช้งานได้เกือบปกติแล้ว แต่ยังมีบางจุดที่ต้องเร่งซ่อมแซมเพื่อให้สามารถกลับมาใช้งานได้โดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนกลับเข้าที่พักอาศัย และใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว ตามแนวทาง “7 วันกลับบ้าน 14 วันสะอาด”

สำหรับการดูแลสุขภาพประชาชนและการป้องกันโรคระบาด ขอให้กระทรวงสาธารณสุขดูแลสุขอนามัยของประชาชน โดยจัดหายา อุปกรณ์ และบุคลากรในการรักษาพยาบาลที่เพียงพอ รวมถึงวางแผนเฝ้าระวังโรคระบาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่มากับน้ำภายหลังน้ำลดและโรคระบาดที่อาจมากับขยะที่สะสมเป็นเวลานาน สำหรับการขนย้ายขยะและการจัดการขยะ ต้องเร่งขนย้ายขยะออกจากบ้านเรือนประชาชนไปยังจุดพักกองโดยเร็ว พร้อมคัดแยกขยะ และขนย้ายขยะไปยังจุดพัก โดยใช้น้ำหมักหรือสารระงับกลิ่นฉีดพื้นบริเวณกองขยะ เพื่อไม่ให้กลิ่นรบกวนชุมชนที่อยู่บริเวณโดยรอบ และป้องกันมลพิษและน้ำเสียในระหว่างรอกำจัดด้วยเตาเผาผลิตพลังงาน (เตาเผาขยะที่เผาวัสดุเหลือใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าและความร้อน) อีกทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ผู้เสียชีวิตโดยด่วน เพื่อเร่งดำเนินการจ่ายเงินเยียวยาค่าปลงศพให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต  ในส่วนของจังหวัด ให้เร่งสำรวจข้อมูลประชาชนที่ยังคงมีการลงทะเบียนเพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างครบถ้วนและเป็นไปด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับกระทรวงคมนาคม เปิดพื้นผิวการจราจร โดยเฉพาะถนนสายหลัก สำหรับรถที่ยังไม่พบเจ้าของรถ ขอให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายไปเก็บในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้กีดขวางทางจราจร ในด้านของการดำรงชีพและที่อยู่อาศัย ขอให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลจัดหาอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของที่จำเป็นในชีวิตประจำวันให้กับประชาชนให้เพียงพออย่างต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่ง รวมถึงให้จังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เร่งสำรวจความเสียหายของบ้านเรือนประชาชน เพื่อจะได้จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนให้กับประชาชนตามระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว

นอกจากนี้ จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับหน่วยงานด้านการพยากรณ์ พบว่า ช่วงวันที่ 11 – 14 ธันวาคม 2568 คาดการณ์ว่าอาจจะมีฝนตกเพิ่มเติมในพื้นที่ภาคใต้ จึงได้กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์ ปริมาณฝน สภาพอากาศอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงกลางเดือนธันวาคม ซึ่งคาดว่ามีแนวโน้มอาจจะมีฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ จึงขอให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านระบบเตือนภัย ด้านการอพยพ ด้านทรัพยากรเครื่องจักรกลและกำลังพล และด้านการแพทย์และสาธารณสุข และต้องให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการให้มีความพร้อม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก

ด้านนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) กล่าวว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่ผ่านมาได้แจกจ่ายถุงยังชีพ ข้าวกล่อง น้ำดื่ม โรงครัวสนามมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับด้านสาธารณูปโภค ขณะนี้ ระบบไฟฟ้าสามารถจ่ายได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ยกเว้นพื้นที่เขต 8 ที่ประชาชนบางส่วนไม่ได้อยู่ภายในบ้าน จึงไม่สามารถเข้าสำรวจอุปกรณ์ได้ ส่วนระบบประปาสามารถฟื้นฟูระบบผลิตและจ่ายน้ำได้ครอบคลุม 100% รวมทั้งระบบสื่อสารสามารถใช้งานได้ปกติทุกพื้นที่ ด้านการฟื้นฟูพื้นที่หาดใหญ่โดยรวม มีความคืบหน้าในทุกเขต  ในด้านการจัดการขยะ กองบัญชาการฯ (ส่วนหน้า) ได้วางแผนและประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดการขยะอย่างเร่งด่วน พร้อมประสานกรมอนามัย กรมควบคุมมลพิษ เข้าพื้นที่เพื่อพ่นยาฆ่าเชื้อโรคและกำจัดกลิ่นจากกองขยะ โดยเฉพาะบริเวณกองขยะชั่วคราว เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งจากการประเมินประสิทธิภาพการดำเนินการฟื้นฟูในพื้นที่เบื้องต้น คาดว่า ภายในสัปดาห์นี้จะสามารถจัดการฟื้นฟูพื้นที่ได้แล้วเสร็จ เพื่อให้ชาวหาดใหญ่สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และเป็นไปตามเป้าหมายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดไว้

ส่วนการดำเนินงานฟื้นฟูพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) รายงานว่า หน่วยงานทั้งหมดมีแผนปฏิบัติงานต่อเนื่องในพื้นที่ถนนเทศาพัฒนา ชุมชนหลังโรงพัก ชุมชนหน้าสถานีรถไฟ ซอยรัตนอุทิศ ถนนสันติราษฎร์ ถนนสาครมงคล 2 โรงแรมเจบี – แยกหน้าซอยจุติ วัดฉื่อฉาง – สะพานดำ ชุมชนป้อม 6 และถนนนิพัทธ์สงเคราะห์ 1 2 และ 5 ซึ่งทุกหน่วยงานจะยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 7 วันประชาชนต้องได้กลับบ้าน 14 วัน หาดใหญ่ต้องสะอาด คืนพื้นที่ให้ชาวหาดใหญ่ได้ตามกำหนด โดยกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ส่วนหน้า) จะติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดและประสานการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มั่นใจได้ว่าภารกิจการฟื้นฟูพื้นที่จะดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ความคืบหน้าการโอนเงินเยียวยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานว่า การจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 แบบเหมาจ่ายในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาท สำหรับวันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นครั้งที่ 7 ของการโอนเงินเยียวยา โดย ปภ. และธนาคารออมสิน ได้โอนเงินให้แก่ผู้ประสบภัย รวม 31,858 ครัวเรือน เป็นเงิน 286,722,000 บาท ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 8 จังหวัด ได้แก่ สงขลา (หาดใหญ่) พัทลุง อ่างทอง ปทุมธานี อุทัยธานี นครนายก ชัยนาท และพิษณุโลก โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน ปภ. และธนาคารออมสิน ได้โอนเงินเยียวยาให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยใน 9 จังหวัดภาคใต้ ไปแล้วกว่า 652,645 ครัวเรือน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5,873,805,000 บาท โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 9,538 ครัวเรือน เนื่องจากบัญชีไม่ปกติและอยู่ระหว่างรอการปรับปรุงข้อมูล โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งจ่ายเงินเยียวยาให้เร็วที่สุด ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน ติดต่อธนาคารใดก็ได้ เพื่อผูกบัญชีโดยเร็ว เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด และประชาชนสามารถตรวจสอบสถานะรับเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยช่วงฤดูฝน ปี 2568 ผ่านช่องทาง https://flood68.disaster.go.th /Dashboard/BoardHelpRegister  โดยระบุหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนในการตรวจสอบ

สำหรับการลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้หลังน้ำลด นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่จังหวัดสตูล ให้กำลังใจผู้ประสบภัยและติดตามการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขในช่วงระยะฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยนายพัฒนา กล่าวว่า สถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดสตูลที่ผ่านมา ส่งผลกระทบในพื้นที่ 7 อำเภอ รวม 30,212 ครัวเรือน 86,932 คน มีผู้บาดเจ็บ 29 ราย เสียชีวิต 3 ราย กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยจิตเวช ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยฟอกไต คนพิการ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และเด็กช่วงอายุ 0-5 ปี ได้รับผลกระทบ รวม 6,253 ราย มีการติดตามดูแลครบทุกราย สำหรับหน่วยบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 7 แห่ง มีบุคลากรสาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ได้รับผลกระทบ รวม 1,415 ราย ให้การดูแลผู้ประสบภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราว 171 แห่ง 4,763 ราย ให้บริการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ รวม 6,427 ราย และให้การเยียวยาจิตใจ ประเมินความเครียดผู้ประสบภัย รวม 4,856 ราย ในจำนวนนี้มีภาวะเครียดน้อย 1,569 ราย เครียดปานกลาง 352 ราย และเครียดสูง 53 ราย

ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ทุกพื้นที่ไม่มีผู้อพยพในศูนย์พักพิง สถานบริการสาธารณสุขสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ และเข้าสู่ขั้นตอนการฟื้นฟูด้านสาธารณสุขหลังน้ำลด โดยได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูลติดตามผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งการควบคุมโรค เฝ้าระวังโรคหลังน้ำลด เช่น โรคเลปโตสไปโรซิส (โรคฉี่หนู) โรคระบบทางเดินอาหาร โรคทางเดินหายใจ โรคผิวหนัง ดูแลอนามัยสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล ตรวจคุณภาพน้ำบริโภค น้ำใช้ สนับสนุนการล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อในบ้านเรือน วัด โรงเรียน สถานบริการสาธารณสุข รวมทั้งจัดบริการตรวจรักษาเชิงรุกในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ให้ติดตามการรักษาต่อเนื่อง ตลอดจนประเมินสุขภาพจิตผู้ประสบภัย เยียวยาจิตใจรายบุคคล/รายครอบครัว ให้คำปรึกษาและส่งต่อรายที่มีความเสี่ยงสูง

นอกจากนี้ นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย รวมถึงได้รับผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก ซึ่งในพื้นที่ดังกล่าวมีผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ จำนวน 500,000 ราย รัฐบาล โดยกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ห่วงใยต่อผู้กู้ยืมและประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีแนวทางให้ความช่วยเหลือ ดังนี้

กรณีเป็นผู้กู้ยืมที่ไม่ผิดนัดชำระหนี้ ตามสัญญากู้ยืมเงิน (15 ปี) ขอผ่อนผันการชำระหนี้ได้สูงสุด 2 ปี  สามารถผ่อนผันได้ครั้งละไม่เกิน 1 ปี โดยระหว่างช่วงเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน ผู้กู้ยืมไม่ต้องชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย และจะไม่มีการคิดค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมกรณีผิดนัดชำระหนี้ที่เกิดขึ้นในระหว่างเวลาที่ได้รับการผ่อนผัน โดยสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ขอผ่อนผันได้ที่เว็บไซต์ กยศ. พร้อมทั้งยื่นแบบฟอร์มขอผ่อนผันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ กยศ. กำหนด

กรณีเป็นผู้กู้ยืมที่ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน สัญญาปรับโครงสร้างหนี้ หรือตามคำพิพากษา
หากประสงค์จะขอผ่อนผันการชำระหนี้ ขอให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ได้ที่เว็บไซต์ กยศ. ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2569 ทั้งนี้ เพื่อ กยศ. จะหามาตรการช่วยเหลือต่อไป

สำหรับผู้กู้ยืมทุกกลุ่ม หากประสงค์จะขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ออกไปอีก 15 ปี ผู้กู้ยืมสามารถทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เพื่อชำระหนี้เป็นรายเดือนผ่านระบบออนไลน์ด้วยตนเองได้ตลอดเวลา ทั้งนี้ ผู้กู้ยืมสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.studentloan.or.th

ข่าวที่เกี่ยวข้อง