กรมปศุสัตว์ จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ ส่งทีมสัตวแพทย์–เสบียงอาหาร เร่งดูแลสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์พื้นที่ชายแดน

นายสัตวแพทย์ สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงการดูแลสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ของประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน โดยระบุว่า ทันทีที่เกิดการโจมตีจากฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 กรมปศุสัตว์ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านปศุสัตว์ และประชุมติดตามสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน

พื้นที่ได้รับผลกระทบครอบคลุม 7 จังหวัด รวม 28 อำเภอ มีสัตว์ขึ้นทะเบียนเลี้ยงกว่า 6.5 ล้านตัว โดยมีสัตว์เสียชีวิตแล้ว 173 ตัว มีการอพยพสัตว์ไปยังพื้นที่ปลอดภัย 915 ตัว และมีสัตว์ที่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 70 ทีม ใน 7 จังหวัด รวม 18,734 ตัว

กรมปศุสัตว์ให้ความสำคัญสูงสุดกับการจัดหาอาหารสัตว์ โดยร่วมกับองค์การทหารผ่านศึก และภาคีเครือข่ายภาคเอกชน สนับสนุนเสบียงอาหารสัตว์อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันได้จัดส่งหญ้าและเสบียงอาหารสัตว์แล้ว 119,400 กิโลกรัม ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 7 จังหวัด และยังมีเสบียงสำรองอีกกว่า 850,160 กิโลกรัม

การจัดสรรเสบียงดำเนินการผ่านการประชุมร่วมกับปศุสัตว์จังหวัดทุกวัน เพื่อวางแผนกระจายหญ้าอาหารสัตว์ อาหารข้นสำหรับโคกระบือ รวมถึงอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงสุนัขและแมว โดยมีศูนย์รวมที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด ก่อนกระจายไปยังพื้นที่เป้าหมาย ผ่านการสนับสนุนของหน่วยทหาร หน่วยงานด้านความมั่นคง กระทรวงมหาดไทย และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน หรือ ชรบ.

อธิบดีกรมปศุสัตว์ยืนยันว่า เจ้าของสัตว์สามารถมั่นใจได้ว่า กรมปศุสัตว์ได้วางระบบการช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ ทั้งด้านกำลังบำรุง อาหารสัตว์ และการรักษาพยาบาล โดยจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

นอกจากนี้ กรมปศุสัตว์ยังมีมาตรการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ปศุสัตว์เสียชีวิตหรือสูญหาย ตามระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2564 โดยตัวอย่างอัตราการช่วยเหลือโค จะได้รับการชดเชยตั้งแต่ 13,000 ถึง 35,000 บาทต่อหัว ไม่เกินรายละ 5 ตัว ส่วนกระบือ ได้รับการชดเชยตั้งแต่ 15,000 ถึง 39,000 บาทต่อหัว ไม่เกินรายละ 5 ตัว ทั้งนี้ อัตราขึ้นอยู่กับอายุสัตว์ หากความเสียหายเกินเกณฑ์ที่กำหนด กรมปศุสัตว์จะรวบรวมเสนอคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม

สำหรับเกษตรกรหรือเจ้าของสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ สามารถติดต่อขอรับความช่วยเหลือผ่านสายด่วนของกรมปศุสัตว์ หรือแอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กรมปศุสัตว์ย้ำความพร้อมในการดูแลสัตว์เลี้ยงและปศุสัตว์ทุกมิติ ทั้งอาหาร การรักษา และการเยียวยาหลังเหตุการณ์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง