กระทรวงพาณิชย์แนะผู้ประกอบการไทยรุกตลาดเวียดนาม ชูอาหารพร้อมทานและบรรจุภัณฑ์อาหาร รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคอีคอมเมิร์ซโตต่อเนื่อง

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศสำรวจลู่ทางการค้าและโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ได้รายงานผลการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้บริโภคเวียดนาม

จากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคเวียดนามมีการสั่งอาหารและเครื่องดื่มผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมที่เป็นเพียงการซื้อเป็นครั้งคราว ปัจจุบันการสั่งอาหารผ่านระบบอีคอมเมิร์ซกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ส่งผลให้แนวโน้มการบริโภคที่เน้นความสะดวกสบายขยายตัวต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดค้าปลีกและธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มของเวียดนามในปี 2568

ทั้งนี้ รายงานดัชนีการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เวียดนาม (E-commerce Index: EBI) ประจำปี 2568 ระบุว่า การค้าปลีกผ่านระบบอีคอมเมิร์ซของเวียดนามมีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเวียดนามอยู่ในกลุ่ม 5 ประเทศที่มีตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตเร็วที่สุดในโลก โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 20–25

ผู้บริโภคเวียดนามเริ่มขยายการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และแฟชั่น ไปสู่สินค้ากลุ่มอุปโภคบริโภค เช่น อาหารสด เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ โดยมีความถี่ในการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และนิยมสั่งซื้อในชีวิตประจำวันมากกว่ารอช่วงโปรโมชั่น

ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากธนาคารกลางเวียดนามระบุว่า กว่าร้อยละ 75 ของธุรกรรมอีคอมเมิร์ซชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์หรือ QR Code สะท้อนความนิยมของระบบการชำระเงินแบบไร้เงินสดที่มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

นอกจากนี้ ตลาดอาหารปรุงสุกพร้อมทานของเวียดนามยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ามูลค่าธุรกิจบริการจัดส่งอาหารออนไลน์ในปี 2568 จะสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 โดยแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่าง ๆ เร่งขยายเครือข่ายการให้บริการไปยังเมืองประจำจังหวัด พร้อมนำเสนอเมนูอาหาร เครื่องดื่ม กาแฟพร้อมดื่ม และอาหารเพื่อสุขภาพที่หลากหลาย กลุ่มพนักงานบริษัท นักเรียน และนักศึกษา เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่มีความต้องการสูง

แนวโน้มดังกล่าวถือเป็นโอกาสสำคัญของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหารพร้อมทานและบรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพด้านการผลิตและความหลากหลายของสินค้า สามารถเข้าไปทำตลาดในเวียดนามเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง