รองเลขาธิการฯ อย. เผยกัญชา-กัญชง มีประโยชน์หลายด้าน เป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ แต่ยังเป็นพืชยาเสพติดให้โทษประเภท 5 หากจะปลูกต้องขอนุญาต ย้ำขั้นตอนการขออนุญาตปลูกไม่ยุ่งยาก ปัจจุบันออกใบอนุญาตไปแล้ว 200 กว่าราย
เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่ากัญชาและกัญชงเป็นพืชตระกูลเดียวกันคือแคนนาบิส [Cannabis] แต่แตกต่างตรงที่กัญชามีปริมาณสารTHC ที่ทำให้เกิดอาการหลอน ทำให้เมา ทำให้เสพติดมากกว่ากัญชง ซึ่งตามกฎหมายข้อแตกต่างระหว่างกัญชงกับกัญชา คือ ค่า THC มากกว่า 1 % เป็นกัญชา และน้อยกว่า 1% คือกัญชง ทั้งกัญชาและกัญชง สามารถใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งสาร CBD ที่มีอยู่ในช่อดอกกัญชง นำไปใช้ทำยารักษา โรคชัก พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ หรือนำไปใส่ในอาหาร ใส่ในเครื่องสำอางค์ เป็นยาที่ใช้ภายนอกแก้อาการอักเสบ
ส่วนเมล็ดของกัญชงมีสารอาหารสูงมาก โดยเฉพาะโปรตีนและโอเมก้า 3 โอเมก้า 6 จึงเอาไปทำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมได้ และในส่วนน้ำมันจากเมล็ดกัญชงมีลักษณะคล้ายน้ำมันพืช ใช้ประกอบอาหาร สำหรับกัญชานั้นมีสาร THC ในปริมาณที่เหมาะสมเอาไปใช้รักษาเพื่อระงับความเจ็บปวดในผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ในขณะที่ ใบของกัญชาหากนำไปชงน้ำดื่มก็จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
เภสัชกรหญิงสุภัทรา กล่าวต่อว่า ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ กัญชา-กัญชง ยังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ดังนั้นบุคคลที่จะปลูกต้องขออนุญาตและมีใบอนุญาต โดยกฎหมายระบุว่า กัญชาต้องใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และวิจัย ผู้ขออนุญาตต้องเป็นวิสาหกิจชุมชนร่วมกับหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานรัฐ หรือมหาวิทยาลัยที่ทำหน้าที่ในการศึกษาวิจัย ส่วนกัญชงซึ่งมีสาร THC น้อย
บุคคลธรรมดาไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ประชาชนทั่วไป นิติบุคคล สามารถขออนุญาตปลูกกัญชงได้ โดยมีวัตถุประสงค์ในเรื่องของการพาณิชย์อุตสาหกรรม ปลูกเพื่อศึกษาวิจัยหรือปลูกเพื่อทำเมล็ดพันธุ์
สำหรับขั้นตอนการขอใบอนุญาตต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ โดยใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ส่วนกรณีช้าเร็วขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ขออนุญาต ที่ต้องมีการเตรียมการในเรื่องของสถานที่ปลูก เช่น ต้องทำรั้ว ทำป้าย ทำมาตรการรักษาความปลอดภัย การเตรียมการของเมล็ดพันธุ์ เรื่องของข้อมูล คุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาต การเตรียมเอกสาร ดังนั้นขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
ปัจจุบัน อย.ออกใบอนุญาตไป แล้ว 200 กว่าราย ส่วนใหญ่จะเป็นโมเดลวิสาหกิจชุมชนร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) กระจายไปทั่วทุกจังหวัดของประเทศไทยประมาณ 100 กว่าแห่ง นอกเหนือจากนั้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการรักษาโรค เช่น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โรงพยาบาลคูเมือง กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น และหน่วยงานที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยการเรียนการสอน เช่น มหาวิทยาลัยต่างๆ
เภสัชกรหญิงสุภัทรา ระบุว่า รัฐบาลส่งเสริมให้มีการขออนุญาตปลูกทั้งกัญชาและกัญชง เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับประชาชน แต่เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องขออนุญาตปลูก หากไม่ขออนุญาตให้ถูกต้องจะมีความผิดข้อหาครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ซึ่งมีอัตราโทษหนัก
สำหรับประชาชน วิสาหกิจชุมชนที่มีข้อสงสัยอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องกัญชากัญชงสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ใกล้บ้าน หรือโทรศัพท์มาได้ที่ สายด่วน อย. 1556 กด 3