กรมการพัฒนาชุมชน “ยืนยัน” โคกหนองนาโมเดล จ.มหาสารคาม ไร้การทุจริตเรียกเก็บค่าหัวคิว

กรณีชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามสงสัยว่าจะมีการทุจริตโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ในจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการทั่วประเทศ โดยใช้งบประมาณเงินกู้ของรัฐบาลกว่า 4,700 ล้านบาท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม โดยสงสัยว่าโครงการในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามมีนายหน้าเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวจำนวน 25% จากผู้รับเหมาเพื่อให้ได้งานขุดลอกโครงการฯ รวมทั้งปัญหาผู้รับเหมาขุดลอกไม่ได้ตามข้อกำหนดของงาน ทำให้ต้องถมดินเพิ่มเองและคืนเงินส่วนที่เหลือจ่ายแก่ผู้รับเหมาให้กับทางการนั้น

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ชี้แจงว่า กรณีมีนายหน้าเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวจำนวน 25% จากผู้รับเหมา โดยมีคลิปเสียงที่ระบุว่า “ให้คุยกับนายและมีการจ่ายเงิน 25 %” นั้น ได้ตรวจสอบจากคนในพื้นที่แล้ว ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นคลิปเสียงจากใคร อยู่ที่ไหน ซึ่งผู้รับจ้างที่เข้าทำสัญญากับอำเภอนาเชือก ยืนยันว่าไม่มีการเรียกรับเงินจากการดำเนินโครงการดังกล่าวฯ

สำหรับกรณีที่นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ อดีตสมาชิกสภาจังหวัดมหาสารคาม ระบุว่าคนที่ได้รับการจ้างงานไม่มีเครื่องจักรแต่ได้รับงาน แล้วนำงานไปขายต่อเพื่อกินหัวคิว ในกรณีดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามได้ให้ความสำคัญและเน้นย้ำกับนายอำเภอทุกอำเภอว่า การจ้างงานให้คำนึงถึงความพร้อมและความสามารถของผู้รับจ้างเป็นความสำคัญอันดับหนึ่ง เนื่องจากโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีความสำคัญกับประชาชนจังหวัดมหาสารคาม และมีข้อจำกัดที่จะต้องขุดปรับพื้นที่ให้แล้วเสร็จโดยเร็วก่อนที่จะเข้าฤดูฝน และขอให้กระจายงานเพื่อความรวดเร็วในการดำเนินงาน โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่อำเภอนาเชือก พบว่าผู้รับจ้างที่ได้ลงนามในสัญญาจ้างแล้ว เป็นผู้ที่มีเครื่องจักรและไม่ได้นำงานไปขายต่อตามที่ปรากฏในข่าว

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน มุ่งมั่นดำเนินงานโครงการฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใส คุ้มค่าเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีการกำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ให้ดำเนินงานตามระเบียบอย่างเคร่งครัด ส่วนกรณีที่ผู้รับเหมาขุดลอกโครงการไม่เป็นไปตามข้อกำหนดนั้น พบว่าที่ประสบปัญหาในกรณีนี้คือนายถนอม เล็กเจ๊ก ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 20 ไร่ นำพื้นที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” จำนวน 3 ไร่ และเลือกแบบในการขุดปรับพื้นที่โดยใช้แบบมาตรฐานกรมการพัฒนาชุมชน สัดส่วน 1 : 1 ขณะนี้การดำเนินงานยังไม่แล้วเสร็จตามโครงการฯ ซึ่งได้ขุดบ่อเก็บกักน้ำไปแล้ว 2 บ่อ แต่ยังไม่มีการขุดคลอง คลองไส้ไก่

เบื้องต้นช่างผู้ควบคุมงานได้คำนวณปริมาณงานและแจ้งให้นายถนอม ทราบว่าพื้นที่อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการขุดคลอง คลองไส้ไก่ ซึ่งในแบบมาตรฐานกำหนดความยาวของคลองไว้ 850 เมตร จะขุดได้จริงประมาณ 175 เมตร ส่วนที่เหลือที่ไม่สามารถดำเนินการขุดได้ จะต้องส่งเงินคืนตามระเบียบของทางราชการ แต่นายถนอม อยากจะขุดบ่อเพิ่มเติมเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่แปลงนา ซึ่งอยู่นอกพื้นที่ 3 ไร่ โดยไม่ต้องขุดคลองหรือคลองไส้ไก่ในแปลงพื้นที่เป้าหมาย 3 ไร่

จังหวัดมหาสารคามได้ชี้แจงทำความเข้าใจกับนายถนอม พร้อมด้วยช่างผู้ควบคุมงานและผู้รับจ้างว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากโครงการฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ครัวเรือนเป้าหมายได้เรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตครอบครัว และพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงหรือภัยพิบัติ โดยต้องพัฒนาพื้นที่ 3 ไร่ ให้เป็นต้นแบบกับครัวเรือนอื่นได้เรียนรู้ตลอดระยะเวลา 5 ปีเป็นอย่างน้อย แต่สามารถปรับผังรูปแบบของคลอง คลองไส้ไก่ในแปลงให้มีความกว้างมากขึ้นและเพิ่มความลึกของคลองได้ 3 เมตร โดยไม่ต้องมีวิศวกรรับรองแบบ เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งจะทำให้มีดินถมเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการ ซึ่งนายถนอม เข้าใจและพึงพอใจกับแนวทางดังกล่าว และช่างผู้ควบคุมงานจะได้ปรับผังรูปแบบและแจ้งให้ผู้รับจ้างได้ดำเนินการขุดปรับพื้นที่ต่อไป

ทั้งนี้ กรมการพัฒนาชุมชนจัดสรรเงินกู้ให้จังหวัดมหาสารคามเพื่อดำเนินโครงการฯ จำนวน 66,040,000 บาท ประกอบด้วยพื้นที่ดำเนินการ 11 อำเภอ 85 ตำบล และเป็นพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดับครัวเรือน ขนาด 3 ไร่ จำนวน 635 แปลง

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ระบุว่าการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” วงเงินจำนวน ๔,๗๘๗,๙๑๖,๔๐๐ บาทนั้น ได้ดำเนินการ 7 กิจกรรม ในพื้นที่เป้าหมาย 73 จังหวัด 575 อำเภอ 3,246 ตำบล 25,179 ครัวเรือน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้การน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประยุกต์สู่การปฏิบัติในรูปแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” เพื่อพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ “โคก หนอง นา โมเดล” ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงระดับตำบลและระดับครัวเรือน และฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนผ่านการสร้างงานสร้างรายได้ ให้แก่ เกษตร แรงงาน และบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID – 19)

การขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อดำเนินการกิจกรรม จำนวน 7 กิจกรรม ประกอบด้วย
1) กิจกรรมที่ 1 การฝึกอบรมเพิ่มทักษะระยะสั้นการพัฒนากสิกรรมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง รูปแบบ โคก หนอง นา โมเดล กลุ่มเป้าหมาย จำนวน 35,015 คน เพื่อพัฒนาให้มีความรู้ ความเข้าใจ พัฒนาให้เป็นแกนนำ สามารถเป็นครูกระบวนการ ครูกสิกรรม ครูประจำฐานเรียนรู้การพึ่งตนเอง และครูพาทำ ขับเคลื่อนและเชื่อมโยงเครือข่ายในพื้นที่ทั้ง 7 ภาคี

2) กิจกรรมที่ 2 สร้างพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Community Lab Model for quality of life : CLM) ระดับตำบล และ พัฒนาพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดับครัวเรือน โดยการส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาที่พลิกฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จำนวน 337 ตำบล ขนาดพื้นที่ 10 ไร่ และ 15 ไร่ ด้วยการสร้างฐานเรียนรู้พื้นที่ งานจัดทำสื่อการเรียนรู้ในพื้นที่ และสนับสนุนค่าวัสดุ อุปกรณ์ต่าง ๆ และการพัฒนาพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบ ขนาดพื้นที่ 1 ไร่ และ 3 ไร่ ต่อครัวเรือน จำนวน 24,842 ครัวเรือน

3) กิจกรรมที่ 3 สร้างงานสร้างรายได้รายเดือน ให้แก่ เกษตรกร บัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน เข้าปฏิบัติงานในพื้นที่เรียนรู้ต้นแบบ และพื้นที่เรียนรู้ครัวเรือนต้นแบบ รวมทั้งสิ้น 9,188 คน จ้างงานคนละ 9,000 บาทต่อเดือน รวมระยะเวลา 12 เดือน

4) กิจกรรมที่ 4 กระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน ผ่านกิจกรรมการพัฒนาและสนับสนุนพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดับครัวเรือน ในพื้นที่ไม่เกิน 3 ไร่ จำนวน 24,842 ครัวเรือน ผ่านการรวมกลุ่มกันพัฒนาหรือการเอามื้อ พื้นที่ละ 3 ครั้ง ๆ ละ 20 คน และสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์สำหรับฝึกปฏิบัติแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในแปลงครัวเรือน

5) กิจกรรมที่ 5 บูรณาการร่วมพัฒนาพื้นที่ระดับตำบล เพื่อสร้างฐานเรียนรู้เพื่อการพึ่งตนเอง จำนวน 9 ฐานเรียนรู้ ประกอบด้วย ฐานกสิกรรมธรรมชาติ ฐานคนรักษ์น้ำ ฐานคนรักษ์แม่ธรณี ฐานคนรักษ์แม่โพสพ ฐานคนติดดิน ฐานคนมีไฟ ฐานคนเอาถ่าน ฐานหัวคันนาทองคำ ฐานคนหัวเห็ด เชื่อมโยงกับพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต (Household Lab Model for quality of life : HLM) ระดับครัวเรือน ที่อยู่โดยรอบเพื่อเป็นฐานการเรียนรู้ ฐานการผลิตวัสดุพื้นฐานที่ต้องการใช้ในการพัฒนาพื้นที่ และฐานการแปรรูปผลผลิตรวมไปถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับการพัฒนาและสร้างมาตรฐานให้ผลผลิตจากพื้นที่ สร้างรูปแบบการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศ ในรูปแบบพหุภาคี ในพื้นที่ 337 ตำบล

6) กิจกรรมที่ 6 พัฒนาการสร้างมาตรฐานผลผลิตการแปรรูปและการตลาดตามมาตรฐานอินทรีย์วิถีไทย ด้วยการจัดอบรมประชาชนพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบ จุดละ 2 คน จำนวน 674 คน เพื่อเรียนรู้แนวทางกระบวนการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสำหรับผลผลิตทางการเกษตร ทั้งการเพาะปลูก การแปรรูป และการรักษาคุณภาพผลผลิตทางการเกษตรสู่ผู้บริโภค

7) กิจกรรมที่ 7 พัฒนาระบบ Digital รองรับ Local Economy เพื่อการลงทะเบียน สำรวจ ติดตาม และประเมินผล พัฒนา Platform เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ สำรวจเก็บข้อมูลและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศและแผนที่ภูมิประเทศ พัฒนาและจัดทำระบบ/เครื่องมือ สำหรับบริหารการจัดการ และการประเมินผลสำเร็จทางด้านกายภาพ เศรษฐกิจสังคม และสิ่งแวดล้อม

กรมการพัฒนาชุมชนได้พัฒนารูปแบบพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” โดยมีรูปแบบมาตรฐาน จำนวน 48 แบบ และ รูปแบบตามภูมิสังคม จำนวน 384 แบบ ซึ่งรูปแบบปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิสังคม อย่างไรก็ตาม พื้นที่ที่ไม่สามารถใช้แบบดังกล่าวได้ ให้สามารถกำหนดรูปแบบเองได้ โดยประสานขอความร่วมมือ จากสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด หรือท้องถิ่นจังหวัด หากมีการประสานในการดำเนินงาน ให้แจ้งกรมการพัฒนาชุมชน เพื่อแจ้งความร่วมมือกับ สมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ออกแบบเพิ่มเติม

สำหรับกระบวนการติดตามการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” มีแนวทางการตรวจติดตามดังนี้

  1. ผู้ตรวจราชการกรม กรมการพัฒนาชุมชน เข้าไปตรวจติดตามพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
  2. สร้างความรู้ความเข้าใจทุกระดับ ให้ประชาชน ผู้เข้าร่วมโครงการฯ นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ มีส่วนร่วมในการตรวจติดตามโครงการ (People’s Audit)
  3. กรมการพัฒนาชุมชน ได้ทำงานร่วมกับ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ผู้ตรวจราชการสำนักงานนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันตรวจติดตาม นอกจากนี้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ GISTDA ออกแบบระบบสารสนเทศในการตรวจติดตาม และบริหารความเสี่ยง ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการฯ จนถึงสิ้นสุดโครงการฯ

กรมการพัฒนาชุมชน ยังเปิดช่องทางการสื่อสารทุกช่องทาง ในการสร้างความรู้ความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน อาทิ Facebook ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล”, https://www.cdd.go.th หรือ โทร.02 141 6047

ข่าวที่เกี่ยวข้อง