นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี ประธานคณะทำงานด้านระบบข้อมูลการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กล่าวในรายการ “NBT รวมใจสู้ภัยโควิด-19@ทำเนียบรัฐบาล” ถึงการเตรียมเปิดใช้แอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เวอร์ชั่นใหม่ และแผนการฉีดวัคซีน โดยวันนี้ (1 พ.ค.) จะเปิดให้จองฉีดวัคซีนโควิด-19 ในระยะที่ 2 แก่ประชาชน 2 กลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค กับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ให้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” เวอร์ชั่นใหม่ หรือ ผ่านไลน์หมอพร้อม ที่เป็น Line Official Account ที่อยู่ใน Line ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวัน โดยรัฐบาลเตรียมวัคซีนไว้ทั้งหมด 16 ล้านโดส ส่วนประชาชนกลุ่มอื่นไม่ต้องลงทะเบียนเพราะจะไม่ปรากฏชื่อหรือฐานข้อมูลให้สามารถลงทะเบียนได้
สำหรับกลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค จำนวน 4.3 ล้านโดส ได้แก่
1.โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหอบหืดที่ควบคุมได้ไม่ดี
2.โรคหัวใจและหลอดเลือด
3.โรคไตเรื้อรัง ที่อยู่ระยะ 5 ขึ้นไป (ไตวายเรื้อรัง)
4.โรคหลอดเลือดสมอง
5.โรคมะเร็งทุกชนิด ที่อยู่ระหว่างเคมีบำบัด รังสีบำบัด และภูมิคุ้มกันบำบัด
6.โรคเบาหวาน
7.โรคอ้วน ที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม

นพ.พงศธร กล่าวว่า ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีจำนวน 11.7 ล้านโดส ถ้ารวมทั้ง 2 กลุ่มเข้าด้วยกันก็ 16 ล้านโดส ซึ่งพอดีกับจำนวนกลุ่มบุคคลที่ได้มีการสำรวจไว้แล้ว โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. – 6 มิ.ย. นี้ ใน 3 ช่องทางด้วยกันคือ
- ช่องทางของโรงพยาบาล โดยไปแจ้งชื่อได้เลย
- แจ้ง อสม. หรือ รพ.สต. ในพื้นที่
- ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม”
นพ.พงศธร ย้ำว่าได้เซตระบบใหม่แอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” และไลน์หมอพร้อม ให้เหมาะสมและสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งระบบ Android และ iOS คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ระบบจะมีความสมบูรณ์ ซึ่งลูกหรือคนในครอบครัวสามารถลงทะเบียนการฉีดวัคซีนให้พ่อกับแม่ได้ แต่หากไม่มีโทรศัพท์มือถือ หรือใช้งานแอปพลิเคชันไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวล ขอให้ไปแจ้งชื่อลงทะเบียนกับทางโรงพยาบาล ก็จะได้รับการฉีดแน่นอน เพราะวัคซีนมีเพียงพอสำหรับการฉีดแก่บุคคล 2 กลุ่มนี้อยู่แล้ว เพียงแต่การมาลงทะเบียนไว้ก่อน ก็เพื่อจะได้ทราบจำนวนผู้ต้องการฉีดวัคซีนและอยู่ในกลุ่มพื้นที่ใด เพื่อจะได้จัดสรรวัคซีให้ได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และจะเริ่มฉีดในวันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งทางทีมแพทย์ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มบุคคลทั้ง 2 กลุ่มนี้แล้ว มั่นใจว่าจะสามารถฉีดได้วันละ 300 เข็ม ซึ่ง ใน 1 เดือนก็จะฉีดได้ประมาณ 10 ล้านเข็ม เพราะเรามีโรงพยายาบาลอยู่ทั่วประเทศมากถึง 1,200 แห่ง
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลได้มีการเจรจากับผู้แทนจำหน่ายวัคซีนโควิด “ไฟเซอร์” ว่าที่ผ่านมาได้มีการเจรจากันโดยตลอด ไม่ได้มีการปฏิเสธการจัดซื้อวัคซีนไฟเซอร์ถึง 4 ครั้งตามที่เป็นข่าว เพียงแต่ติดเงื่อนไขว่าจะสามารถจัดส่งวัคซีนให้กับไทยได้เมื่อไร ซึ่งทางไฟเซอร์ก็รับปากว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์ให้ไทยได้แน่นอน ซึ่งการจัดซื้อวัคซีนเพิ่มในหลายๆ ช่องทางก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าเราจะมีวัคซีนที่เพียงพอ และภายในสิ้นปีก็จะมีจัดส่งเข้ามาอีก ทั้งนี้ วัคซีนที่ดีที่สุดคือการได้ฉีดเร็วที่สุดไม่ว่าจะเป็นวัคซีนยี่ห้อใดก็ตามเพราะวัคซีนจะช่วยลดอาการโควิดลงได้ และไม่มีอาการรุนแรงถึงขั้นต้องส่งเข้า ICU ขณะเดียวกันรัฐบาลก็พยายามเร่งหายาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต้องได้รับยาเพื่อไม่ให้อาการลุกลามถึงปอดบวมและต้องเข้า ICU ล่าสุดทางองค์การเภสัชกรรมก็ได้สั่งซื้อยาฟาวิพิราเวียร์เพิ่มอีก 3 ล้านเม็ดในเดือนพฤษภาคม รวบคู่กับการพัฒนาและดูสูตรเพื่อผลิตยาด้วย
ส่วนแผนการฉีดวัคซีนแก่คนไทยในระยะที่ 2 นี้ และภายในสิ้นปีนี้เราจะฉีดวัคซีนให้คนไทยจำนวน 100 ล้านโดสนั้น นพ.โสภณ กล่าวว่า มั่นใจว่าเราจะมีวัคซีนเพียงพอถึง 100 ล้านโดสเพราะนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข รวมทั้งภาคธุรกิจและเอกชนได้ช่วยกันที่จะเร่งจัดซื้อวัคซีนจากประเทศต่าง ๆ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้มีแอปพลิเคชัน “หมอพร้อม” ออกมาเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้ลงทะเบียนเพื่อขอเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งขอให้ประชาชนมั่นใจว่าการฉีดวัคซีนจะเกิดประโยชน์มากกว่าไม่ฉีดเพราะนอกจากจะช่วยป้องกันตัวเราเองแล้ว ยังช่วยป้องกันคนในครอบครัวไม่ให้ติดโรคโควิด-19 ด้วย