สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ยืนยัน มีแผนจัดหางบประมาณเพิ่มเติม แก้ปัญหา-เยียวยาประชาชนจากโควิด -19

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะชี้มีแผนกู้เงินเพิ่มอีก 1 ล้านล้านบาท ในเดือนกันยายนนี้ ตามมติครม. ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ เพื่อใช้แก้ปัญหาโรคโควิด 19 และเยียวยาประชาชน หากจำเป็นต้องหาแหล่งเงินกู้เพิ่มเติมจากงบประมาณที่มีอยู่เดิม ย้ำเบื้องต้นใช้กลยุทธ์การระดมทุนที่เป็นการกู้เงินในประเทศเป็นหลัก

นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง (รองผอ.สบน.) ในฐานะโฆษกสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ชี้แจงกรณี นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี วิจารณ์การเบิกจ่ายและแผนการใช้งบประมาณมาตรการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ในประเด็นกระทรวงการคลังมีแหล่งเงินและเครื่องมือการกู้เงินเพียงพอในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจหรือไม่ ว่า พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (พ.ร.ก. COVID-19) ซึ่งอนุมัติโดยคณะรัฐมนตรี กำหนดให้กระทรวงการคลัง มีอำนาจกู้เงินบาทหรือเงินตราต่างประเทศ โดยจะต้องลงนามในสัญญากู้เงินหรือออกตราสารหนี้ไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2564 ในวงเงินไม่เกิน 1,000,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์และสาธารณสุข การช่วยเหลือเยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม โดย ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้ดำเนินการจัดหาเงินกู้ ภายใต้กรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติแล้วจำนวน 703,841 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 92 ของกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ

สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ วางแผนและดำเนินการกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก. COVID-19 อย่างรอบคอบ โดยใช้กลยุทธ์การระดมทุนที่เป็นการกู้เงินในประเทศเป็นหลัก เพื่อให้ได้วงเงินกู้ที่ครบถ้วนภายใต้ต้นทุนที่เหมาะสม และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดการแย่งสภาพคล่องจากภาคเอกชน และส่งเสริมการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศ โดยใช้เครื่องมือทางการเงินที่ผสมผสานทั้งระยะสั้นและระยะยาว อาทิ ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note) สัญญากู้ยืมเงิน (Term Loan) พันธบัตรรัฐบาล (Loan Bond) และพันธบัตรออมทรัพย์ (Savings Bond) อีกทั้ง ได้คำนึงถึงแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ จากระยะสั้นเป็นระยะปานกลางและระยะยาว โดยใช้พันธบัตรรัฐบาล และพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ความต้องการของนักลงทุน และสภาวะตลาดการเงินในประเทศ

อย่างไรก็ดี หากในอนาคตรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะจะวางแผนการกู้เงินอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงต้นทุน สภาวะตลาดการเงิน และจะพัฒนานวัตกรรมทางการเงินให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนและตลาดการเงิน โดยจะมุ่งเน้นตราสารทางการเงินที่ส่งเสริมการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นทางเลือกในการระดมทุน สำหรับโครงการที่สนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่าการบริหารหนี้สาธารณะได้มีการดำเนินการ อย่างรอบคอบ ครบถ้วน และถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ


ข่าวที่เกี่ยวข้อง