นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงประเด็น ปัญหาราคาปุ๋ยแพงและราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำว่า ราคาปุ๋ยในตลาดมีการปรับราคาสูงสาเหตุสำคัญมาจากวัตถุดิบแม่ปุ๋ยยูเรีย แม่ปุ๋ยฟอสเฟต และแม่ปุ๋ยโพแทสเซียม ที่ส่วนใหญ่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศมีการปรับสูงขึ้น เนื่องจากอินเดียได้เปิดประมูลซื้อแม่ปุ๋ยล็อตใหญ่และจีนซึ่งเป็นประเทศนำเข้าหลักของไทยได้ชะลอการส่งออกแม่ปุ๋ยเพื่อเตรียมเพาะปลูกรอบใหม่ ประกอบกับค่าระวางเรือปรับสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบ จากเดิมในปี 63 ที่ 42.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล เป็น 64.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ก่อนหน้านั้น กรมการค้าภายในได้ประชุมร่วมกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย และผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีรายใหญ่ รวม 3 ครั้ง ตั้งแต่ ม.ค.64 – มี.ค.64 โดยขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาจำหน่ายปลีกในส่วนของวัตถุดิบแม่ปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งขอให้ผู้ประกอบการพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้คงราคาจำหน่ายเดิม และตรวจสอบตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ไม่ให้จำหน่ายปุ๋ยเคมีเกินกว่าราคาจำหน่ายเดิม และไม่ให้สินค้าขาดตลาด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เม.ย.64 และ 22 เม.ย.64 กรมการค้าภายในประชุมร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมส่งเสริมสหกรณ์ และ ธ.ก.ส. ร่วมหารือกับสมาคมการค้าปุ๋ยและธุรกิจการเกษตรไทย รวมทั้งผู้ผลิต/ผู้นำเข้าปุ๋ยเคมี สรุปแนวทางแก้ปัญหา ดังนี้
1️⃣ ติดตามตรวจสอบปริมาณและราคาจำหน่ายปุ๋ยเคมีในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ หากพบตัวแทนจำหน่ายกักตุนหรือขายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดและแจ้งให้ดำเนินการกับตัวแทนจำหน่ายต่อไป
2️⃣ ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการปุ๋ยเคมีตรึงราคาจำหน่ายไปอีกระยะหนึ่ง รวมทั้งกำชับตัวแทนจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ไม่ให้กักตุนสินค้า เพื่อไม่ให้สินค้าขาดตลาด และห้ามจำหน่ายปุ๋ยเคมีสูงกว่าราคาจำหน่ายเดิม
ด้านมาตรการรับซื้อปาล์มจากเกษตรกร โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มทุกแห่งจะรับซื้อผลผลิตในราคาที่สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านการผลิตและการตลาด และปิดป้ายแสดงราคารับซื้อที่อัตราน้ำมัน 18% ขึ้นไป
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะจัดส่งสายตรวจเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบการซื้อขายในแหล่งผลิตสำคัญอย่างต่อเนื่อง หากมีการฝ่าฝืน จะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และหากพบว่ามีการกดราคา จะมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท
นอกจากนี้กรมการค้าภายใน ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบการรับซื้อปาล์มของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและลานเท ให้เป็นไปตามกลไกตลาด รวมทั้งรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ชาวสวนปาล์มเก็บเกี่ยวผลปาล์มน้ำมันสุกสดเพื่อให้ได้ผลปาล์มคุณภาพดี มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นและในภาพรวมก็จะได้ปริมาณน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นด้วย
.
ปัจจุบันผลปาล์มออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นตามช่วงฤดูกาลผลิต ขณะที่มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ส่งผลกระทบให้ความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบชะลอตัวลงบางส่วน
.
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดมาเลเซียมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยราคารับซื้อผลปาล์มของมาเลเซียจะเป็นคุณภาพเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ 20% ส่วนคุณภาพเปอร์เซ็นต์น้ำมันของไทยปัจจุบันโดยเฉลี่ยยังอยู่ที่ 17%
💰💰 ทั้งนี้ ราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลเป็นปัจจัยบวกให้ราคาผลปาล์มของไทยในขณะนี้ เริ่มปรับสูงขึ้น อยู่ที่สูงสุด 5.60 บาท/กก. สูงกว่าราคาช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 2.40 – 3.00 บาท/กก.