วัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า วัคซีนที่ประเทศไทยได้รับสิทธิ์ในการผลิตตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ขณะนี้ได้ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตราเซนเนกาทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นวัคซีนประสิทธิภาพเดียวกับที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินแล้วทั้งสิ้น 70 ประเทศทั่วโลก และการได้รับอนุมัติทะเบียนโดยองค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้ ผลการทดลองทางคลินิก ยืนยันว่า ผู้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าสามารถทนต่อผลข้างเคียงของวัคซีนได้ดีและวัคซีนยังช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในทุกระดับความรุนแรงในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ได้มากถึง 80% หลังจากการฉีดเข็มแรก
“มั่นใจ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในไทยนั้น มีคุณภาพเทียบเท่ากับที่ผลิตในยุโรป”
สำหรับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยบริษัทของประเทศไทยนั้น ถือได้ว่าเป็นวัคซีนที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับที่ผลิตในยุโรป ตามมาตรฐานและสิทธิบัตรของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งประเทศไทยได้รับสิทธิ์เป็นศูนย์กลางการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะกระจายวัคซีนไปในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน นับเป็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพด้านการแพทย์และการผลิตเวชภัณฑ์ของประเทศให้ก้าวหน้าอีกด้วย
“สยามไบโอไซเอนซ์ บริษัทเพื่อคนไทย”
สยามไบโอไซเอนซ์ เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากพระราชปณิธาน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยทรงพระราชทานพระราชดำรัสเรื่องสุขภาพของประชาชน ด้วยทรงเห็นว่า ‘คน’ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะพัฒนาประเทศ และการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย โดยลดการพึ่งพายาจากต่างประเทศ
กล่าวได้ว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ นับเป็นบริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2552 โดยทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล PIC/S GMP, ISO9001 ISO17025 และ ISO13485 จึงได้รับเลือกจาก บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำของโลก ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สำหรับภูมิภาคอาเซียน
สำหรับวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้ดำเนินการผลิตเป็นไปตามกระบวนการ และระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ โดยการผลิตวัคซีนนั้นเป็นการผลิตตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ ซึ่งสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ทยอยผลิตวัคซีนตั้งแต่ระดับต้นน้ำแล้วจำนวน 5 รุ่นการผลิต ซึ่งผ่านการทดสอบจากประสิทธิภาพจากห้องแล็ปของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา
“ย้ำ ผลิตไม่ล่าช้า ทุกอย่างเป็นไปตามแผน พร้อมส่งมอบเดือนมิถุนายนนี้”
พร้อมกันนี้ หน่วยงานควบคุมกำกับในประเทศ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสถาบันชีววัตถุ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีการติดตามการดำเนินการอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างในการดำเนินการ และสามารถส่งมอบวัคซีนได้ในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกำหนดการส่งมอบวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าให้แก่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อยู่ในช่วงกลางปี 2564 โดยวัคซีนล็อตแรกที่ผลิตโดยบริษัทของไทยจะเริ่มส่งมอบได้ในเดือนมิถุนายนตามกำหนดที่มีการแจ้งตั้งแต่แรก โดยจะทยอยส่งมอบในอัตราเดือนละ 5-10 ล้านโดส จนครบ 61 ล้านโดส ซึ่งจะสอดคล้องกับแผนการฉีดวัคซีนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
สำหรับงบประมาณการผลิตวัคซีนนั้น รัฐบาลไทยได้ใช้งบประมาณราว 6,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถรองรับสายการผลิตผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้อย่างทันท่วงที โดยรัฐบาลไทยมิได้เป็นผู้จ้างให้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ผลิต แต่เป็นการผลิตวัคซีนตามปริมาณที่บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเป็นผู้กำหนดตามมาตรฐาน อีกทั้งปัจจัยสำคัญในการที่แอสตร้าเซนเนก้าเลือกสยามไบโอไซเอนซ์ ก็เป็นเพราะว่าโรงงานของบริษัทเข้าเงื่อนไข มีความทันสมัยที่สุด และมีความพร้อม และความเชี่ยวชาญมากที่สุดในการผลิตวัคซีนของประเทศไทย
เมื่อผลิตวัคซีนได้แล้วบริษัทจะคืนเงิน 6,000 ล้านบาทในรูปของวัคซีนให้กับรัฐบาลไทย ซึ่งกระบวนการลักษณะนี้ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ก็ได้ใช้เงินงบประมาณในการ Research and development นับ 10,000 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนให้มีการวิจัยและคิดค้นวัคซีนนานาชนิด นอกจากนี้ประเทศไทยได้สนับสนุนงบประมาณแก่สถาบันต่างๆ เช่น โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อคิดค้นวัคซีนสูตรของประเทศไทย เพื่อเป็นทางเลือกอีกด้วย ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นการทดสอบทางคลินิกกับมนุษย์แล้ว