รัฐผ่อนคลายมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ ย้ำ! ทุกฝ่ายต้องให้ความร่วมมือเพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจ

อธิบดีกรมอนามัยชี้รัฐผ่อนคลายมาตรการเปิดให้นั่งกินในร้านอาหารได้เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ แต่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้านตัวแทนผู้ประกอบการร้านอาหารพึงพอใจ ยืนยันไม่สร้างภาระให้หมอและไม่ต้องการให้รัฐเยียวยา แค่ขอเก้าอี้คืนให้ลูกค้าได้นั่งกินในร้านเท่านั้น

คุมเข้ม 4 จังหวัดสีแดงเข้มนั่งกินได้ไม่เกิน 3 ทุ่ม
หลังจากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ข้อ 3 มาตรการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ที่จำเป็นอย่างเร่งด่วน โดยพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) คือพื้นที่ 4 จังหวัดได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ โดยให้นั่งกินอาหารในร้านได้ไม่เกิน 25% (เดิมให้นั่งกินได้ 100 คน ปรับใหม่ให้นั่งกินได้ไม่เกิน 25 คน) และให้นั่งกินในร้านได้ไม่เกิน 3 ทุ่ม แต่ถ้าซื้อกลับบ้านเปิดขายได้ไม่เกิน 5 ทุ่ม และห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน

17 จังหวัดสีแดงนั่งกินได้ถึง 5 ทุ่ม
ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ในพื้นที่ 17 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สมุทรสาคร สงขลา และสุราษฎร์ธานี สามารถนั่งกินอาหารในร้านได้ถึง 5 ทุ่มแต่ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน สำหรับพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) คืออีก 56 จังหวัดที่เหลือซึ่งสามารถนั่งกินอาหารที่ร้านได้ตามปกติ แต่ห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยมาตรการดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที 17 พ.ค.นี้เป็นต้นไป

กรมอนามัยออกมาตรการหลักคุมเข้มร้านอาหาร
ล่าสุดวันที่ 17 พ.ค.64 รายการ ” NBTรวมใจ สู้ภัยโควิด-19 @ ทำเนียบรัฐบาล ” ได้เจาะลึกประเด็น “ผ่อนคลายมาตรการควบคุมร้านอาหาร” รับประทานในร้านได้แล้ว! …ทั่วประเทศ! โดย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าการกำหนดมาตรการดังกล่าวได้มีการพิจารณาจากทุกมิติทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดความสมดุล โดยกรมนอนามัยได้ออกมาตรการสำหรับร้านอาหาร ดังนี้

สำหรับมาตรการหลักนั้น สถานประกอบการ ร้านอาหาร จะต้องมีการประเมิน Thai Stop Covid Plus / สถานประกอบการและพนักงานประเมินตนเองก่อนออกนอกบ้าน ก่อนปฏิบัติงานด้วยแอปพลิเคชัน Thai Save Thai / กำหนดจุดคัดกรองและจุดลทะเบียน พนักงานและผู้รับบริการ (จุดตรวจวัดอุณหภูมิ) / พนักงานและผู้รับบริการสวมหน้ากากตลอดเวลา / จัดให้มีที่ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ / ทำความสะอาดพื้นและพื้นผิวสัมผัสบ่อย ๆ กำจัดมูลฝอยทุกวัน / ทำความสะอาดห้องน้ำห้องส้ม / เว้นระยะห่างระหว่างทางเดิน โต๊ะ และที่นั่งรับประทานอาหาร 1-2 เมตร และใช้บริการไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง / ควบคุมจำนวนผู้รับบริการไม่ให้แออัด จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ / ห้ามบริโภคสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน / เปิดให้บริการตามระยะเวลาของพื้นที่ / จัดอุปกรณ์เฉพาะบุคคล และงดบริการรูปแบบบุฟเฟ่ต์ โต๊ะจีน โดยจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ข้อปฏิบัติให้ผู้รับบริการทราบ

ย้ำถอดหน้ากากได้เฉพาะตอนกินเท่านั้น
อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า นอกจากมาตรการหลักดังกล่าวแล้ว ยังมีมาตรการเสริม ประกอบด้วย การมีมาตรการติดตามข้อมูลของพนักงานที่รัฐกำหนด หรือใช้แอป ไทยเซฟไทย / มีมาตรการลดการสัมผัส ด้วยระบบการจองคิว หรือสั่งซื้อกลับบ้าน ระบบชำระเงินออนไลน์ และกำหนดมาตรการ สำหรับผู้รับบริการให้เปิดหน้ากากเฉพาะเวลากินอาหารเท่านั้น / จัดให้มีการระบายอากาศที่เหมาะสม (ถ้าเป็นห้องแอร์ให้เปิดระบายอากาศทุก 1-2 ชั่วโมง) / กำหนดทางเข้า-ออก ให้ชัดเจน / ทำสัญลักษณ์เว้นระยะห่าง ไม่นั่งเผชิญหน้ากัน หรือทำฉากกั้น จัดทำระบบสั่งอาหาร เพื่อลดการสัมผัส และเลี่ยงอาหารที่ไม่ปรุงสุก หรือ สุก ๆ ดิบ ๆ

แอปฯ ไทยชนะช่วยเช็กไทม์ไลน์ร้านอาหาร-ผู้ใช้บริการได้
ส่วนมาตรการจำเพาะ เนื่องจากในร้านอาหารมีคนหลากหลาย ก็ต้องป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ประกอบการอหาร และที่สำคัญต้องมีแผนเผชิญเหตุ ต้องหยุดกิจการ เพื่อควบคุมโรค หากตรวจพบว่ามีผู้ติดเชื้อ โดยร้านอาหารจะต้องปฏิบัติดังนี้คือ จัดหาวัคซีนโควิด-19 สำหรับผู้ประกอบการ ผู้สัมผัสอาหาร และผู้ปฏิบัติงานในร้าน / หากพนักงานหรือผู้รับบริการติดเชื้อโควิด-19 ให้แจ้งเจ้าหน้าที่หยุดกิจการชั่วคราวเพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค ในส่วนการกำกับ ติดตาม และประเมินมาตรการร้านอาหาร ผู้รับบริการจะต้องดำเนินมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด โดยลงทะเบียนในแอปฯ ไทยชนะ และประเมินสถานประกอบการผ่าน QR cord จากใบประกาศ TSC+ หรือร้องเรียนผานช่องทางอื่น ๆ ทั้งนี้ การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวจะช่วยป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ได้ ทำให้ตรวจสอบไทม์ไลน์และตรวจเช็กพื้นที่จุดเสี่ยงที่เดินทางไปได้ รวมถึงทำให้รู้ถึงประวัติและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 ได้

ผู้ประกอบการยืนยันเข้มงวดร้านอาหารเพื่อทุกฝ่าย
ด้าน น.ส.ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย กล่าวในประเด็นเดียวกันว่าจากมาตรการการควบคุมและป้องกันโรคคิด-19 โดยเฉพาะการห้ามนั่งกินอาหารในร้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 จังหวัดสีแดงเข้มนั้น ส่งผลกระทบต่อร้านอาหารมากเพราะรายได้ของร้านอาหาร 80% มาจากการนั่งกินอาหารในร้าน และเมื่อรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการ ประกอบกับร้านอาหารอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกรมอนามัย จึงได้มีการหารือและปรับมาตรการให้เกิดความสมดุล หลังจากที่มีความเข้มงวด 14 วัน ห้ามนั่งกินในร้านอาหาร ซึ่งร้านอาหารนั้นไม่ต้องการให้รัฐบาลเยียวยา แต่ต้องการขอเก้าอี้คืนเพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามานั่งกินอาหารในร้านได้และเราไม่อยากสร้างภาระให้หมอ ดังนั้น เมื่อมีการผ่อนผันมาตรการ และทุกฝ่ายร่วมมือกัน ทุกอย่างก็จะดีขึ้น ๆ ซึ่งมีร้านอาหารกว่า 3,000 แห่ง อยู่ในโครงการแนวทางความปลอดภัยด้านสุขอนามัย Amazing Thailand Safety& Health Administration (SHA) อยู่แล้ว โดยมีการนำมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุข มาผนวกกับมาตรฐานการให้บริการที่มีคุณภาพ

ขอความร่วมมือประชาชนทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัด
นพ.สุวรรณชัย กล่าวย้ำว่า การไปนั่งกินในร้านอาหาร ถึงแม้จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แต่เมื่ออยู่ในร้านต้องนั่งแยกกันเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อเพราะภายในร้าน ไม่มีใครู้ว่าใครติดเชื้ออยู่บ้าง และจะต้องไม่พูดคุยกันในระหว่างกินเพราะอาจจะเสี่ยง หรือเพิ่มความเสี่ยงให้กับโต๊ะข้าง ๆ ได้ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคขึ้นในสังคม ดังนั้น การผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้ เป็นความรับผิดชอบร่วมกันของสถานประกอบการ และขอให้พี่น้องประชาชนปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดด้วย


ข่าวที่เกี่ยวข้อง