กรณีที่มีการเรียกร้องให้เปิดเผยแผนการฉีดวัคซีนให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่ากำลังใช้ “วัคซีน” เพื่อประโยชน์ทางการเมือง และสร้างความเหลื่อมล้ำให้เกิดขึ้นในสังคมด้วยการจัดสรรวัคซีนให้ในบางพื้นที่ หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง นั้น
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้แจงว่า ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) จะมีการประชุมหารือเกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนโควิด 19 ภายในสัปดาห์นี้ โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัย ดังนี้คือ จำนวนวัคซีนที่มี, จำนวนประชากร, สถานการณ์การระบาดในปัจจุบัน และกลุ่มเป้าหมาย เช่น ครู แรงงาน ซึ่งการจัดสรรต้องคำนึงถึงสถานการณ์การระบาดเพื่อควบคุมโรค

สำหรับแผนการฉีดวัคซีนให้กับบุคคลทั่วไป จะเริ่มในเดือนมิถุนายน 2564 จะใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นหลักตามจำนวนวัคซีนที่เข้ามา โดยกระจายไปทุกจังหวัด 16 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2564 มีวัคซีนซิโนแวคเป็นส่วนเสริม ซึ่งประเทศไทยเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 เป็นต้นมา โดยวัคซีนซิโนแวคที่เข้ามารวม 3.5 ล้านโดส และกระจายฉีดวัคซีนไปทั่วประเทศ แล้ว 2.9 ล้านโดส ประสิทธิภาพของวัคซีนยังให้ผลดี ทั้งลดอัตราการเสียชีวิตและความรุนแรงของโรค
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดเผยแผนกระจายวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงนี้อยู่ระหว่างการขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแต่ละระดับชั้น และปรับตามความคิดเห็นข้อแนะนำของคณะกรรมการแต่ละระดับ ที่ผ่านมาประเด็นดังกล่าวได้เข้าสู่ที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ซึ่งหากมีข้อแนะนำเพิ่มเติม สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ตามความเหมาะสมและสถานการณ์ของการระบาดในปัจจุบัน และปริมาณวัคซีนที่ประเทศไทยได้รับ