กรณีที่สื่อโซเชียลได้เผยแพร่ข่าวโรคลัมปีสกินติดต่อมาถึงสุกร พร้อมทั้งระบุว่า “ช่วงนี้คนชอบกินเนื้อวัว เนื้อหมู ต้องพิจารณาดีๆ ลามถึงหมูแล้ว” และเผยแพร่ภาพโคป่วยด้วยอาการเป็นตุ่มทั่วตัวด้วยโรคลัมปี สกิน เทียบภาพคู่กับภาพสุกรมีอาการเป็นตุ่มแดงที่บริเวณขาหลัง นั้น

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า โรคลัมปี สกิน เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่สำคัญในโคกระบือ ซึ่งมีรายการการศึกษาว่าติดต่อสู่แพะแพะได้ แต่ไม่ติดต่อสู่สัตว์ชนิดอื่น เช่น สุกร สุนัข และไม่ใช่โรคที่ติดสู่คน โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส สัตว์ที่ติดเชื้อจะมีไข้สูง ต่อมน้ำเหลืองโต และมีตุ่มขนาดใหญ่ ประมาณ 2-5 เซนติเมตร ขึ้นที่ผิวหนังทั่วร่างกาย พบมากที่คอ หัว เต้านม ถุงอันฑะและหว่างขา ตุ่มที่ขึ้นอาจแตก ตกสะเก็ดและเกิดเป็นเนื้อตาย หรือมีหนอนแมลงมาไชได้ อาจพบตุ่มน้ำใสขึ้นที่เยื่อเมือก ทางเดินหายใจและทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการน้ำลายไหล ตาอักเสบ มีตุ่มขึ้นที่เยื่อเมือก อัตราการป่วยอยู่ที่ 5 – 45 % อัตราการตายน้อยกว่า 10% แต่อาจมีอัตราการตายสูงในพื้นที่ที่ ไม่เคยมีการระบาดมาก่อน ผลกระทบส่วนใหญ่จะอยู่ที่ผลผลิตที่ลดลง

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพสุกรมีรอยโรค ตุ่มนูนแดง กระจายตัวที่บริเวณขาหลัง นั้น อาการแสดงลักษณะนี้ สามารถวินิจฉัยแยกโรคออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ กรณีโรคไม่ติดเชื้อ เช่น แมลงกัดต่อยจนเกิดอาการของเป็นตุ่มนูนแดง หรือกรณีโรคติดเชื้อ เช่น โรคฝีดาษสุกร (swine pox) เป็นเชื้อไวรัส ซึ่งก่อโรคเฉพาะในสุกร ไม่ติดต่อสู่คน รวมทั้งสัตว์เลี้ยงและสัตว์ปศุสัตว์ชนิดอื่น
สรุป คือ โรคลัมปี สกิน เป็นโรคติดต่อในโค กระบือ แต่ไม่ติดต่อสู่คนและสัตว์ชนิดอื่น และโรคฝีดาษ-สุกร เกิดโรคเฉพาะในสุกร ไม่ติดต่อสู่สัตว์ชนิดอื่น และไม่ติดต่อสู่คน ดังนั้น การบริโภคเนื้อสัตว์จึงต้องรับประทานสุกทุกกรณี เพื่อหลีกเลี่ยงโรคบางโรคที่เกิดจากการรับประทานเนื้อสัตว์สุกๆดิบๆ เช่น โรคท้องร่วง หรือ โรคหูดับ (Streptococcus suis)

ดังนั้น หากเกษตรกรพบว่าสัตว์เลี้ยงของท่านมีอาการดังข้างต้น ขอให้รีบแจ้งสายด่วนแจ้งโรคระบาดกรมปศุสัตว์ call center 063-2256888 นอกจากนี้ เกษตรกรและประชาชนทั่วไปยังสามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน DLD 4.0 “แจ้งการเกิดโรคระบาด” ได้ตลอดเวลา