นายกฯ ยืนยันจัดสรรงบฯ ตามความจำเป็นเร่งด่วน เป็นธรรมและทั่วถึง

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565  ยืนยันให้เกียรติรัฐมนตรีทุกคนและทุกพรรค และสามารถพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีได้ทุกโอกาส ที่ผ่านมาได้มีพูดคุยกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งการควบคุมการแพร่ระบาด การจัดหาและการกระจายวัคซีน ภายใต้การทำงานร่วมกันในศบค. ด้วยการบูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสาธารณสุข พลเรือน ตำรวจ ทหาร รับฟังข้อเสนอแนะของบุคลาทางการแพทย์และสาธารณสุขเป็นหลักเพื่อนำมติที่เห็นชอบร่วมกันไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม


 
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยัน การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายโอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวกรณีกฎหมาย 31 ฉบับนั้น เป็นไปเพื่อประสิทธิภาพในการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19  เพราะกฎหมาย พ.ร.บ.โรคติดต่อร้ายแรงอันตรายให้กรอบอำนาจเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกระทรวงสาธาณสุขไม่สามารถที่จะไปสั่งการหน่วยงานอื่นได้ ทั้งตำรวจ ทหาร หรือกระทรวงมหาดไทย เป็นต้น  และการเข้ามาดูแลการบริหารงบประมาณและวัคซีน ก็เพื่อหาแนวทางจัดหางบประมาณมาให้เพียงพอต่อการจัดหาวัคซีน ทั้งงบวงเงินกู้ 4 หมื่นกว่าล้านบาท และงบกลาง โดยพิจารณาตามความจำเป็นเร่งด่วนเป็นสำคัญ

ส่วนการใช้จ่ายงบกลางเป็นไปตามกลไลที่มีการตรวจสอบคัดกรองแผนงานโครงการต่าง ๆ ก่อนดำเนินการทั้งสิ้น เพื่อให้คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด โดยให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นหลักครอบคลุมทุกภาค ทุกจังหวัด และทุกกลุ่มจังหวัด รวมถึงการแก้ปัญหาที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและภัยพิบัติต่าง ๆ ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ตลอดจนการดูแลการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่และปริมาณน้ำ  เป็นต้น


  
นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า โครงการที่เสนอมา มาจากความต้องการของพื้นที่จากผู้ว่าราชการจังหวัดที่เห็นว่าเกิดประโยชน์ต่อประชาชน รัฐบาลก็พร้อมจัดสรรและสนับสนุนงบประมาณให้เกิดความทั่วถึงและเป็นธรรม สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ส่วนโครงการที่พรรคร่วมรัฐบาลเสนอมา รัฐบาลก็มีการจัดสรรงบประมาณให้ตามความจำเป็นเร่งด่วนโดยเป็นโครงการที่รายละเอียดชัดเจนครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย นายกรัฐมตรียังให้การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจในการจัดสั่งซื้อและจัดสั่งจองทั้งหมดตั้งแต่ที่มีการเริ่มดำเนินการของวัคซีน ซึ่งเมื่อมีการรับรองก็มีการทยอยนำเข้ามาบางส่วนแล้วตามกำหนดและจะเร่งแจกจ่ายต่อไปในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ได้วางแผนไว้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ที่เกิดขึ้น
 
นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในกรุงเทพมหานคร ที่พบในแคมป์คนงาน ตลาดสดว่า เป็นเรื่องของความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งอาจจะมีคัสเตอร์ที่อยู่ในพื้นที่แออัด  ซึ่งเมื่อมีคนแออัดมากก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นที่สุด  ดังนั้น รัฐบาลกำลังหามาตรการที่เหมาะสมในการควบคุม คัดกรอง แยกคน แต่ยังสามารถควบคุมในพื้นที่จำกัดได้ โดยเฉพาะคลัสเสตอร์กลุ่มเสี่ยง 39 คลัสเตอร์ รวมถึงการหาแนวทางในการดูแล กรมราชทัณฑ์ และในแต่ละจังหวัด  


 

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำ วัคซีนใช้สำหรับคนที่ยังไม่เป็นโรคโควิด 19 แต่หากนำวัคซีนไปให้กับผู้ที่ติดโรคโควิด 19 อาจทำให้อาการแย่ลงได้ ขณะนี้ได้มีการนำพืชสมุนไพรของไทยซึ่งจะเป็นรายได้ของประเทศต่อไปในอนาคต เช่น “ฟ้าทะลายโจร” มาใช้ควบคู่กับยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาอาการเจ็บป่วยของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินการในเรื่องดังกล่าวทั้งหมดทุกขั้นตอน
 
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ย้ำขอให้ทุกคนอย่าสร้างความเกลียดชัง วันนี้ประเทศไทยต้องการความเป็นหนึ่งเดียว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง