พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวในรายการ “NBT รวมใจสู้ภัยโควิด-19 @ทำเนียบรัฐบาล” ในวันนี้ (7 มิ.ย.) ถึงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนชาว กทม. ว่า กทม.ได้เตรียมพร้อมและเริ่มฉีดวัคซีนมาตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงวันนี้ ก็ได้ฉีดไปแล้วกว่า 1,040,000 โดส แต่วันนี้เป็นวันปูพรมฉีดทั่วประเทศ และ กทม.ซึ่ง กทม.ได้ให้บริการฉีดวัคซีนมาอย่างต่อเนื่องในโรงพยาบาล 126 แห่ง รวมทั้งศูนย์จัดฉีดวัคซีนที่ได้ร่วมมือกับหอการค้าไทย ตั้งจุดฉีดวัคซีนเพิ่มอีก 25 แห่ง ในห้างสรรพสินค้าและในมหาวิทยาลัยด้วย

กทม.ตั้งเป้าฉีดวัคซีนให้ได้ 5 ล้านคนใน 2 เดือน
ทั้งนี้ กทม.ตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้ได้ 5 ล้านคน ภายใน 2 เดือนนี้ ซึ่ง กทม.ได้รับการจัดสรรวัคซีนมา 5 ล้านโดส แต่ผู้ได้รับวัคซีนนี้ไม่ใช่แค่ชาว กทม.เท่านั้น แต่ยังมีประชากรแฝงในจังหวัดปริมณฑลที่เข้ามาทำงานใน กทม. หรือผู้ที่อาศัยอยู่ใน กทม. ก็จะได้รับการฉีดวัคซีนด้วยเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โดย กทม.จะฉีดให้ได้ 7 หมื่นคน/วัน จัดแบ่งตามศูนย์ฉีดที่โรงพยาบาล 80,000-100,000 คน ศูนย์ฉีดของสำนักงานประกันสังคม 40 แห่ง ศูนย์ฉีดในมหาวิทยาลัย โดยกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) และศูนย์ฉีดในห้างสรรพสินค้า บนความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน
เผยยอดลงทะเบียนหมอพร้อม 1.8 แสนคน
ส่วนตัวเลขคน กทม.ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแอปฯ หมอพร้อม พบว่ามีทั้งสิ้น 180,000 คน ซึ่งหมอพร้อมมีเพดานการเปิดจองรับฉีด โดยโรงพยาบาลสามารถรองรับการฉีดวัคซีนได้ที่ 600 คน แต่ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนที่ได้รับการจัดสรรด้วย ขณะที่ศูนย์ฉีดวัคซีนที่เปิดฉีดในแต่ละแห่ง ก็ตั้งเป้าจะฉีดให้ได้ 500 คนต่อ 1 ศูนย์ฉีดวัคซีน โดยในสัปดาห์หน้าจะขยายการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นที่ 1,000 คนต่อศูนย์ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ก็ได้เริ่มฉีดให้บุคลากรในมหาวิทยาลัยแล้ว ขณะที่กระทรวงแรงงาน ก็ได้ฉีดให้กับกลุ่มคนทำงาน กลุ่มประกันสังคมแล้วเช่นกัน

ฉีดวัคซีนครอบคลุมทั้งคนกทม.และปริมณฑล
พญ.ป่านฤดี กล่าวด้วยว่า จากเดิม กทม.มีแผนการฉีดวัคซีนเหมือนกับแผนของต่างจังหวัด แต่หลังเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างมากในพื้นที่ กทม. ทำให้จำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนเร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เดือน แต่ที่ กทม.ได้รับวัคซีนมากกว่าจังหวัดต่าง ๆ นั้น เนื่องจากต้องรีบป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุด เพราะประชากรใน กทม.มีจำนวนมากและเดินทาง บ่อย ยากแก่การควบคุม การได้รับวัคซีนที่เร็วขึ้นช่วยให้ควบคุมการแพร่ระบาดได้ อย่างกลุ่มผู้สูงอายุบ้านบางแค วันนี้ก็มีบางคนได้ฉีดเข็มที่ 2 แล้ว จากที่ฉีดเข็มแรกช่วงเดือนมีนาคม และบางคนก็เพิ่งฉีดเข็มแรก แต่ที่ผู้สูงอายุบ้านบางแคได้รับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเร็วนั้น ก็เนื่องมาจากก่อนหน้านี้มีการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ตลาดบางแค

ดูแลกลุ่มผู้สูงอายุและคนเปราะบางด้วย
นอกจากนี้ สำนักอนามัย กทม. ยังดูแลผู้ป่วยที่เป็นผู้สูงอายุที่เป็นกลุ่มเปราะบางและนอนติดเตียงที่บ้าน ซึ่งจากการสำรวจมีทั้งสิ้น 5,000 คน และกลุ่มที่ไม่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ หมอพร้อม กทม.ก็จะเข้าไปฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุกลุ่มนี้ด้วย รวมถึงกลุ่มที่ได้ลงทะเบียนผ่านแอปฯ หมอพร้อมและแอปฯ ไทยร่วมใจ ที่มีอายุตั้งแต่ 18-59 ปี ก็จะได้รับการฉีดด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องเดินทางไปที่โรงพยาบาล แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และลดความรุนแรงของการติดเชื้อลงได้ แต่ก็ยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ และทำตามมาตรการของ สธ.อย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันโรคโควิด-19

เน้นทำงานคู่ขนานฉีดวัคซีน-ควบคุมการแพร่ระบาด
ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ย้ำด้วยว่า การทำงานของ กทม. เพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ กทม.นั้น จะทำเป็นระบบคู่ขนานกันไป ทั้งในส่วนของการควบคุม ป้องกันการแพร่ระบาดและการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด ซึ่งในแง่ของการควบคุมโรค กทม.ได้เน้นไปในทุกกลุ่มเสี่ยง ทั้งในตลาด กลุ่มแคมป์คนงานก่อสร้างและในโรงงานด้วย โดยเจ้าของบริษัท ผู้ประกอบการจะต้องดูแลคนงานของตนเองให้มีสุขลักษณะที่ดี ไม่ใช้สิ่งของร่วมกัน หรือรับประทานอาหารร่วมกัน ที่อาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ และหากพบว่ามีผู้ติดเชื้อจะต้องคัดแยกออกมาเพื่อเข้ารับการรักษา ขณะเดียวกันต้องดูแลกลุ่มคนงานที่มีอยู่ไม่ให้ติดเชื้อหรือกระจายเชื้อออกนอกพื้นที่
ที่ผ่านมา กทม.ได้ร่วมมือกับสำนักงานเขตทั้ง 50 เขต และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และฝ่ายความมั่นคง เข้าไปตรวจเชิงรุกในชุมชนเพื่อควบคุม ป้องกันและเฝ้าระวังโรค ซึ่งได้ทำไปแล้วกว่า 200 ชุมชน และในส่วนของแคมป์คนงานก่อสร้าง ซึ่งมีทั้งสิ้น 409 แห่ง ในสัปดาห์หน้านี้จะมีการไปตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อเพื่อควบคุม ป้องกันเฝ้าระวังและเข้ารับการรักษาต่อไป