ก.เกษตรฯ เร่งฉีดวัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน 60,000 โดส ให้กระบือและโค

กรณี “ข้อวิจารณ์การแก้ปัญหาการระบาดของโรคลัมปี สกิน ล่าช้า” นั้น

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า โรคลัมปี สกินเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส มีแมลงดูดเลือด ได้แก่ ยุง เหลือบ ริ้น ไร และแมลงวันคอก เป็นสัตว์พาหะนำโรค เป็นโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเป็นครั้งแรก มีการพบโรคครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ.2472 (92 ปีที่แล้ว) ที่ประเทศแซมเบียและเริ่มเข้ามาระบาดในเอเชียเมื่อปี 2562 กรมปศุสัตว์ได้ติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมีหนังสือแจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรให้ระมัดระวังและทำการป้องกัน ต่อมาในปี 2563 พบการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน คือ เวียดนาม และเมียนมาร์ จึงสั่งระงับการนำเข้าโคและกระบือจากประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมแจ้งเตือนภัยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรให้เฝ้าระวังและป้องกันอย่างเข้มงวด

การแพร่ระบาดของโรคลัมปี สกิน จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่ประเทศไทย พบครั้งแรกที่ อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ปัจจุบันพบการเกิดโรคใน 40 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคอีสานและภาคกลางบางส่วน ซึ่งโคและกระบือที่ป่วยจะมีอาการไข้สูง มีตุ่มนูนที่ผิวหนัง ลักษณะคล้ายฝี ต่อมาแตกเป็นแผล จากข้อมูลขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) ระบุว่า โรคนี้มีอัตราการป่วยและอัตราการตายรวมถึงมีความรุนแรงของโรคต่ำ โคและกระบือที่ป่วยแล้วรักษาได้และหายขาด บริโภคเนื้อได้ตามปกติและไม่ติดต่อสู่คน

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวย้ำถึงการฉีดวัคซีนที่เพิ่งนำเข้ามาและมาตรการควบคุมโรคลัมปี สกิน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดไว้ดังนี้
1) ควบคุมการเคลื่อนย้ายโค-กระบือ เพื่อลดการแพร่กระจายของโรค และปฏิบัติตามแนวทางการเคลื่อนย้ายอย่างเคร่งครัด
2) เฝ้าระวังการเกิดโรคอย่างใกล้ชิด เน้นการรู้โรคให้เร็ว ควบคุมได้ทัน โรคสงบได้อย่างรวดเร็ว
3) ป้องกันและควบคุมแมลงพาหะนำโรค ให้เกษตรกรป้องกันโดยใช้สารกำจัดแมลงทั้งบนตัวสัตว์ และบริเวณโดยรอบฟาร์ม ทั้งในพื้นที่ระบาดของโรคและพื้นที่เสี่ยง
4) รักษาสัตว์ป่วยตามอาการ
5) ใช้วัคซีนควบคุมโรค

ขณะที่วัคซีนป้องกันโรคลัมปี สกิน ล็อตแรกจำนวน 60,000 โดสที่เพิ่งนำเข้ามาจะนำไปฉีดให้กับโคและกระบือในพื้นที่ที่มีการระบาดเป็นหลักก่อน โดยต้องฉีดรอบจุดเกิดโรคเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคออกจากจุดเกิดโรคซึ่งกรมปศุสัตว์จะรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด อีกทั้งได้จัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจำนวน 300,000 โดส ซึ่งจะถึงไทยกลางเดือนมิถุนายนนี้ และจะอำนวยความสะดวกให้กับภาคเอกชนหรือสมาคมนำเข้าวัคซีนโดยการกำกับดูแลของกรมปศุสัตว์ เพื่อป้องกันโรคและสร้างความมั่นคงทางด้านวัคซีนของประเทศ

ทั้งนี้ อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงมาตรการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกรอย่างเร่งด่วน ว่าเบื้องต้นได้ร่วมมือกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. อบต.เทศบาลฯ) ให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยจัดกิจกรรม Kick off รณรงค์ป้องกันและกำจัดโรคลัมปี สกิน โดยให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน ดังนี้

  • จัดหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ รักษาพยาบาลสัตว์ป่วยฟรีเพื่อลดความสูญเสียแก่เกษตรกร
  • จัดหน่วยพ่นยาฆ่าเชื้อทำลายเชื้อโรค พ่นสารกำจัดแมลงพาหะของโรค
  • แจกสารกำจัดแมลง ยารักษา วิตามิน แร่ธาตุและยาบำรุง เพื่อรักษาและฟื้นฟูสุขภาพสัตว์
  • สร้างความรับรู้ให้แก่เกษตรกรเรื่องโรคและการป้องกัน

ส่วนกรณีโคและกระบือตาย จะชดเชยเยียวยา ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 ชดเชยตามจริง ไม่เกินรายละ 2 ตัว โดยมีค่าอัตราค่าชดเชยเยียวยา ดังนี้

  • อายุน้อยกว่า 6 เดือน โค 6,000 บาท/ตัว กระบือ 8,000 บาท/ตัว
  • อายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี โค 12,000 บาท/ตัว กระบือ 14,000 บาท/ตัว
  • อายุ มากกว่า 1 ปี ถึง 2 ปี โค 16,000 บาท/ตัว กระบือ 18,000 บาท/ตัว
  • อายุ มากกว่า 2 ปี โค 20,000 บาท/ตัว กระบือ 22,000 บาท/ตัว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง