นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ชี้แจงประเด็นการบังคับใช้ผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิให้เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมว่า กฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดชัยภูมิ ได้ประกาศใช้เมื่อวันที่ 29 พ.ค.58 หลังประกาศใช้แล้วพบว่า สภาพการณ์ของจังหวัดเปลี่ยนแปลงไป ทำให้การใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดไม่สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาพื้นที่ ปัจจุบันมีการขยายตัวของชุมชนเมืองและชนบท การขยายตัวของเศรษฐกิจฐานรากที่มาจากการเกษตร-อุตสาหกรรมที่ต่อเนื่องจากการเกษตร ทำให้กิจการบางประเภทไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งสมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดชัยภูมิได้มีหนังสือพร้อมรายชื่อเกษตรกรประมาณ 2,000 ราย ที่อยู่ในพื้นที่อำเภอเกษตรสมบูรณ์และอำเภอหนองบัวแดง ขอให้แก้ไขผังเมืองให้สามารถก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทรายได้ เพื่อบรรเทาปัญหาการขนส่งที่มีต้นทุนสูงและโรงงานเดิมทั้งสองแห่งตั้งอยู่ในระยะทางเกินกว่า 50 กิโลเมตร โดยขอแก้ไขเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดิน รวม 2 ประเด็น ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ขอตั้ง โรงงานทำน้ำตาลทรายและโรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไอน้ำ
ประเด็นที่ 2 ขอแก้ไขเรื่องความสูงของอาคารในการใช้ประโยชน์เพื่อกิจการอื่น (จากเดิมความสูงไม่เกิน 12 เมตร เป็นเกิน 12 เมตร) ภายหลังได้มีการแก้ไขให้ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมและข้อกำหนดเรื่องความสูงของอาคารแล้ว คณะอนุกรรมการผังเมือง จ.ชัยภูมิ ได้จัดประชุมอย่างเป็นทางการในหลายวาระ พร้อมปิดประกาศและประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะเพื่อชี้แจงรายละเอียดการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงฯ โดยปิดประกาศให้ทราบผลการประชุม 30 วัน ระหว่างวันที่ 16 ส.ค. – 14 ก.ย.61 เมื่อครบกำหนดการปิดประกาศฯ ปรากฏว่า ไม่มีผู้มีส่วนได้เสียแสดงข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษร
หลังจากไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแสดงข้อคิดเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว จึงเข้าสู่คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ 6 มี.ค.62 และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 ซึ่งมีประโยชน์โดยรวมต่อพื้นที่ ดังนี้
1.เปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทชนบทและเกษตรกรรม (สีเขียว) เฉพาะบริเวณหมายเลข 2.3 ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับนโยบายในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดและกิจกรรมการใช้ประโยชน์ที่ดินในปัจจุบัน
2.การก่อสร้างโรงงานน้ำตาลทรายจะต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมเรื่องการให้ตั้งหรือขยายโรงงานน้ำตาลทรายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ต้องมีระยะห่างจากเขตโรงงานน้ำตาลแห่งเดิมไม่น้อยกว่า 50 กิโลเมตร พร้อมทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามประกาศ ก.ทรัพยากรธรรมชาติ
3.โรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนจะไม่อนุญาตให้ใช้ถ่านหินหรือนิวเคลียร์ในการผลิตพลังงาน
อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวย้ำว่า ภาคประชาชนที่กังวลว่า การตั้งโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวล จะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งด้านมลพิษ สิ่งแวดล้อมและสุขภาพนั้น ผู้ประกอบการต้องได้รับการอนุมัติและอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและต้องปฏิบัติตามกฎหมายอื่นๆ เช่นการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการโรงงานจากกระทรวงอุตสาหกรรม
