ศกพ.ร่วมกับทุกภาคส่วน ลดปัญหาฝุ่น PM2.5 สะสม ช่วงฤดูหนาวปลายเดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทยในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2565 คาดว่าในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนธันวาคม 2564 ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นระยะๆ โดยจะมีกำลังอ่อนถึงปานกลาง จากนั้นถึงเดือนมกราคม 2565 ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาโดยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ ส่วนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ลักษณะอากาศอากาศจะแปรปรวน เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง

ดังนั้นในตอนที่ความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุมมีกำลังอ่อนหรือเริ่มถอยกลับ จะส่งผลให้ลมอ่อน สภาพอากาศนิ่ง การกระจายตัวของฝุ่นละอองไม่ดีและมีโอกาสสะสมในพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ 2565 ซึ่งอาจส่งผลให้ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในช่วงเวลาดังกล่าว

ปัญหาฝุ่นวาระแห่งชาติ

นายอรรถพล กล่าวว่าปัญหาฝุ่นละอองเป็นปัญหาสำคัญของชาติ มีผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทย รัฐบาลยกให้แก้ปัญหาฝุ่น ละออง PM2.5 เป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี 2562 และมีการพัฒนาในเรื่องกลไกในการแก้ปัญหามาตลอด โดยมีศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) มีคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ และมีคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีกลไกลที่แข็งแรง ชัดเจน จะมาแก้ปัญหาฝุ่นทั้งพื้นที่ในเมืองและนอกเมือง

ใน ปี 2564 มีการกำหนด 12 แนวทางเฉพาะกิจ ส่งผลให้ลดจุดความร้อน( Hotspot) ลงได้ 52 % เป็นความสำเร็จในระดับหนึ่ง ส่วนในปีนี้ (65) เน้นย้ำการถอดบทเรียนที่ผ่านมา ว่ามีเรื่องอะไรที่ต้องนำมาแก้ไขบ้าง  โดยได้กำหนด 9 มาตรการ ได้แก่ “1 การสื่อสาร 5 การป้องกัน 3 เผชิญเหตุ ”  ซึ่งจะนำเข้าประชุมกับคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก่อนจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป

ระหว่างนี้สามารถปฏิบัติตามงานได้ทันที โดยเฉพาะการสื่อสารให้ประชาชน โดยปีนี้จะมีการพยากรณ์สถานการณ์ฝุ่นล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 วัน ซึ่งจับมือร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาในการพยากรณ์ลักษณะอากาศทุก ๆ เช้า ทั้งในระดับจังหวัดและระดับพื้นที่  โดยการส่งข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai ในการวัดค่ามาตรฐานให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทันท่วงที

เพิ่มกลไกดึงท้องถิ่น ควบคุมการเผา

การถอดบทเรียนในปีที่ผ่านมา เรื่องที่ต้องปรับเพิ่มเติมกลไกคือภาคท้องถิ่น โดยขอให้ส่วนท้องถิ่นได้กำหนดแผนในการป้องกันและคุมไฟป่ามากขึ้น ทั้งแผนงบประมาณและแผนบูรณาการในระดับพื้นที่ทั้งในเรื่องการจัดการพื้นที่เชื้อเพลิง หรือในป่า  แผนการเตรียมพื้นที่ก่อนเผาของเกษตรกร ที่สำคัญมี “การจัดระเบียบการเผา” ผ่านแอปพลิเคชัน “เบิร์นเช็ก” ซึ่งเป็นแอปฯ ที่ให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าคิวก่อนจะมีการเผาในที่โล่ง เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นของการเผาที่ก่อผลกระทบ PM 2.5  โดยทางอำเภอและจังหวัดเป็นผู้อนุญาต สำหรับกรณีประชาชนที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ก็สามารถประสานโทรศัพท์โดยตรงไปยังท้องถิ่น หรืออำเภอก็ได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกในการควบคุมการเผาในที่โล่ง

ปัญหาเรื่อง “ฝุ่น” มี 2 พื้นที่หลัก คือพื้นที่ในเมืองและพื้นที่นอกเมือง หรือ 17 จังหวัดภาคเหนือ สำหรับปีนี้ ช่วงที่มีฝุ่นจะเริ่มมากลางเดือน พฤศจิกายนเป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาวในกรุงเทพฯ ภายใต้สภาวะอากาศที่มีความกดอากาศสูงและชั้นบรรยากาศที่กดทับลงมาก่อให้การสะสมของฝุ่น PM 2.5 ได้มากขึ้น โดยปัจจัยสำคัญ ที่ก่อให้เกิด PM2.5 คือ ภาคจราจร ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการเผาไหม้โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซล

สำหรับปีนี้ รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการใช้กฎหมาย ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งด่านตรวจจับควันดำแล้วใช้กฎหมายเข้ามาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด จะเริ่มตั้งด่านตรวจจับควันดำตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่งและประชาชนมีส่วนร่วม

อย่างไรก็ดี ศกพ.ได้ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่งและประชาชนมีส่วนร่วมในการลดมลพิษภายใต้โครงการ “คลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ซึ่งปีนี้เป็นการดำเนินงานต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 โดยเป็นความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ผ่านกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยมีเป้าหมายให้รถยนต์ใช้งานที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป มารับบริการตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามศูนย์บริการรถยนต์แต่ละยี่ห้อในราคาลดพิเศษ

ศกพ.ยังได้ขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ 2 แห่ง ให้จำหน่ายในช่วงวิกฤต PM2.5 ในราคาปกติ คือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะจำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจากในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างเดือนธันวาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565

ทั้งนี้ จากการทดสอบการใช้น้ำมันดีเซลที่มีคุณลักษณะเทียบเท่า EURO 5 หรือมีกำมะถันไม่เกิน 10 ppm จะสามารถลดการเกิดฝุ่น PM2.5 ได้ประมาณ 24% เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันดีเซลที่มีคุณลักษณะเทียบเท่า EURO 4 หรือมีกำมะถันไม่เกิน 50 ppm โดยรถยนต์เก่าจะสามารถเติมน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำได้โดยจะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์

อาเซียนรวมใจแก้หมอกควันข้ามแดน

“ฝุ่นข้ามแดน” เป็นอีกหนึ่งปัญหาของหมอกควัน ล่าสุดที่ประชุมกลุ่มประเทศอาเซียนว่าด้วยเรื่องของการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน กลุ่มประเทศอาเซียนมีมติร่วมกันว่า ทุกประเทศจะร่วมมือกันลดจำนวน Hotspot ให้ได้ร้อยละ 20 หรือลดจากปีที่แล้ว 20% ซึ่งเป็นความท้าทายของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เมียนมา ลาวและกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันในเรื่องของฝุ่นที่จะข้ามแดนมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง