วันที่ 14 พ.ย. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศในงาน UN Climate Change Conference (COP26) ให้สัญญาว่าจะขับเคลื่อนเป้าหมายเพื่อเข้าสู่สังคม Carbon Neutrality จากปี ค.ศ.2065 เป็น 2050 แต่ประเทศไทยกลับยังไม่มีการเตรียมตัวอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวให้สำเร็จ
นายธนกรระบุว่า นายกฯ ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างสมดุลและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามโมเดลเศรษฐกิจ BCG ตลอดจนหามาตรการเพื่อแก้ไขปัญหา climate change โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการลดและควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยจะใช้โอกาสนี้พลิกโฉมประเทศสู่เศรษฐกิจสร้างคุณค่า เน้นการเติบโตที่สมดุล ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
โดยไทยต้องเร่งพัฒนาองค์ความรู้และเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำ ผ่านโครงการทวิภาคีเพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีต่าง ๆ และโครงการแบ่งปันคาร์บอนเครดิตร่วมกัน ทั้งนี้ ท่านนายกฯ พยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น และเกิดผลกระทบให้น้อยที่สุด
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดทำยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกระทรวงพลังงาน จัดทำเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2065
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเร่งยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมประเด็นด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในทุกมิติอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลยังช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมทำความเย็นในการลดและเลิกใช้สารไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอนที่ทำลายชั้นบรรยากาศและปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง และผลักดันเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเปลี่ยนผ่านไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้ โดยตั้งเป้าที่จะให้มีการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าให้ได้ร้อยละ 30 ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมให้ความช่วยเหลือภาคเอกชนในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อปรับตัวและก้าวผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ