นายกฯแจงรับข้อเรียกร้องกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น นำเข้าหารือครม.พรุ่งนี้ แก้ปัญหาเร่งด่วน

หลังจากเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามบันทึกข้อตกลงที่ทำไว้กับผู้ชุมนุมเมื่อเดือน ธ.ค. 2563 และประท้วงที่มีการทำผิดสัญญาเนื่องจากบริษัทเอกชนได้เดินหน้าจัดทำอีไอเอของโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ที่จะสร้างอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลาโดยทางกลุ่มกล่าวถึงการเข้าสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคืนวันที่ 6 ธันวาคม

การเรียกร้องครั้งนี้ของ “เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น” คือ

  • รัฐบาลต้องตั้งกลไกตรวจสอบความผิดปกติของโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะใหม่ โดยต้องตรวจสอบในครบทุกมิติ
  • รัฐบาลต้องจัดการศึกษาโครงการในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA แบบมีส่วนร่วม และต้องดำเนินการโดยนักวิชาการที่เป็นกลางและได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย ซึ่งคณะศึกษาทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้ ศอ.บต (ศูนย์อำนวยการการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้)
  • ระหว่างนี้ รัฐบาลต้องสั่งให้ยุติการดำเนินการทุกอย่างในโครงการนี้ก่อน จนกว่าจะดำเนินการตามข้อ1 และข้อ 2 จะแล้วเสร็จ

วันที่ 13 ธ.ค.64 เวลา 11.30 น. ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 20/2564 (ศบค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มจะนะรักษ์ถิ่น ว่า

นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการนิคมฯ จะนะ เพื่อเจรจากับชาวบ้าน

นายกฯ ย้ำว่าการดำเนินการของรัฐบาล หวังให้ภาคใต้ของประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น ประชาชนสามารถประกอบกิจการ/กิจกรรม แต่เมื่อขั้นตอนการดำเนินการมีปัญหาก็ต้องนำกลับมาทบทวนใหม่ ให้มีการทำประชาพิจารณ์เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงการทำการศึกษาผลกระทบเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉยและจะเร่งแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน แต่ทุกอย่างจะต้องดำเนินการขั้นตอนและกฎหมาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่สามารถแทรกแซงได้ โดยจะนำไปหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้

ซึ่งแผนการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมจะนะของรัฐบาล เริ่มต้นมาจากโมเดลแผนพัฒนา “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” ถูกเสนอโดย คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการพิจารณาและเห็นชอบ เมื่อวัน 21 กุมภาพันธ์ 2562 ภายใต้โครงการ เมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ทำการอนุมัติไปแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรมก้าวหน้าผสมผสาน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส เป็นเมืองต้นแบบการค้าชายแดนระหว่างประเทศ และ อ.เบตง จ.ยะลา เป็นเมืองต้นแบบการพัฒนาที่พึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง