ตั้ง “โควิด” เป็น “โรคประจำถิ่น” คิดอย่างรอบคอบ ประเมินความพร้อม

นายอนุทิน  ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง การตรียมมาตรการเพื่อทำให้โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่น ว่า เป็นเรื่องที่ต้องวางเป้าหมายเอาไว้ และวางมาตรการในการดูแลผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อต่างๆ ย้ำว่าไม่ได้จะเร่งตัวเลข แต่ต้องการลดความรุนแรง เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ กลไกต่างๆ สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ผู้คนได้ทำมาหากิน การผลิต ส่งออกกลับเข้าสู่ภาวะปกติให้มากสุด วันนี้ยา เวชภัณฑ์ เตียง ไอซียู พร้อม ขณะเดียวกันประชาชนยังให้ความร่วมมือในการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุด เหมือนที่ผ่านมาที่ร่วมมือกันทำให้สามารถควบคุมโรคได้

สำหรับเรื่องการเป็น COVID Free Country หมายความว่า เป็นประเทศควบคุมโรควิดได้ ไม่ได้หมายความว่าโควิดไม่มีแล้ว ซึ่งพยายามจะทำให้ไปในทิศทางนั้นให้จนได้ โดยเฉพาะทำให้ลดการเสียชีวิตให้น้อยลง ปีที่แล้วสามารถทำได้ การเสียชีวิตเป็นศูนย์นานถึง 6 เดือน จนเกิดการระบาดใหม่ จากการสังสรรค์ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งปัจจุบันยังพบการติดเชื้อจากการกินอาหารร่วมกัน ดื่มเหล้าร่วมกัน ดังนั้นเมื่อรู้เหตุแล้วก็ต้องพยายามเลี่ยง

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้โควิดยังไม่ได้เป็นโรคประจำถิ่น แต่มีการวางหลักเกณฑ์ ทำแผนดำเนินการเพื่อทำให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นภายในปี 2565 วันนี้ เป็นวันครบครอบ 2 ปี การตั้ง EOC กระทรวงสาธารณสุขตอบโต้สถานการณ์โควิด-19 มีการประชุมกันนานกว่า 411 วัน *** แต่ผ่านการประชุมหารือร่วมกันมาแล้ว โดยดูเรื่องความรุนแรงของโรค การมีภูมิต้านทานของคนในประเทศ ความสามารถในการรักษา เวชภัณฑ์ การรับรู้ของประชาชนและอื่นๆ ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายจึงได้กำหนดเกณฑ์การเป็นโรคประจำถิ่นและกำหนดมาตรการวิธีต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง