นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่มีสื่อนำเสนอข่าวว่า สธ.จะเสนอ ศบค.วันที่ 18 มี.ค.นี้ ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะถอดหน้ากากอนามัย หากเข้าสู่โรคประจำถิ่น ว่า เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน ตอนที่มีการสัมภาษณ์กันนั้น ตนไม่ได้บอกว่า จะเสนอการผ่อนคลายมาตรการถอดหน้ากากอนามัย หรือถอดแมสก์บางพื้นที่ ในการประชุม ศบค. วันที่ 18 มี.ค. นี้ เพียงแต่บอกว่า จะมีการนำเสนอเรื่องขั้นตอนแผนของการพ้นสู่โรคระบาดใหญ่ เพื่อเข้าสู่โรคประจำถิ่น ซึ่งมีกรอบระยะเวลา 4 เดือน แบ่งตามเฟสเป็น 3 บวก 1
ส่วนมาตรการต่างๆ ในแต่ละระยะ ก็จะมีการดำเนินการเพื่อป้องกัควบคุมโรคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลดความรุนแรงที่นำไปสู่การเสียชีวิต ซึ่งพบมากในกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเสี่ยง 608 ที่มีโรคประจำตัว และไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครบโดส จึงต้องมีการรณรงค์ให้ฉีดบูสเตอร์โดส และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการและมาตรการต่างๆ ก็จะพ้นจากโรคระบาดใหญ่ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า ไม่มีอะไรเข้ามาอีก ไม่มีไวรัสกลายพันธุ์ที่รุนแรง
"เรื่องถอดหน้ากากอนามัยนั้น ข้อเท็จจริงคือ ในอนาคตหากเป็นไปตามแผน Endemic approach อาจมีการผ่อนคลายมาตรการอื่นๆ ซึ่งยกตัวอย่างว่า อย่างหน้ากากอนามัย หากจะถอดแมสก์ก็แนะนำว่าเป็นบางพื้นที่ อย่างสวนสาธารณะ แต่ไม่ใช่ว่าจะทำเลย จะเสนอ ศบค. เพราะเรื่องนี้จริงๆ เป็นข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องการป้องกันของระบบสาธารณสุข อย่างการใส่แมสก์ นอกจากป้องกันโรคโควิด โรคระบบทางเดินหายใจ ยังป้องกันโรคทางเดินอาหารจากผู้ประกอบอาหาร ที่ใส่หน้ากากอนามัยก็ช่วยเรื่องสุขอนามัยได้ รวมทั้งก็ไม่ได้มีการเสนอผ่อนคลายเรื่องคอนเสิร์ตแต่อย่างไร"
ปลัดสธ.กล่าว