นายภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดเผยว่า ดีป้ามีนโยบายส่งเสริมการ พัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้ ใน 2,500 เทศบาลทั่วประเทศ โดยการนำเทคโนโลยีและโซลูชั่นต่างๆ มาช่วยยกระดับการใช้ชีวิตของประชาชนในเมือง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ แชตบอท และบล็อกเชน เพื่อพัฒนาเรื่องการเดินทาง การขนส่ง ระบบจราจร ความปลอดภัย คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ฯลฯ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องการสร้างพื้นที่และเมืองน่าอยู่อัจฉริยะ
“การทำเมืองอัจฉริยะเป็นแผนระยะยาว โดยจะมีการสร้างแรงจูงใจเปิดให้เมืองต่างๆในประเทศไทย ที่มีประชากรหนึ่งหมื่นคนขึ้นไป ตั้งแต่ระดับ อบต. เทศบาล และเมือง ที่ต้องการพัฒนาเป็นสมาร์ทซิตี้ สมัครข้อเสนอโครงการเข้ามา ซึ่งหากผ่านการพิจารณาจะได้รับตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ ซึ่งมีข้อดีคือหากภาคเอกชนในเมืองได้ทำโครงการ เช่น รถขนส่งอัจฉริยะ ที่จอดรถอัจฉริยะ หรืออาคารอัจฉริยะ ฯลฯ จะได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีได้ถึง 8 ปี โดยไม่ต้องไป อยู่ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ในขณะที่เทศบาลก็จะได้รับงบประมาณ ในการพัฒนาที่เร็วขึ้น”
นายภาสกร กล่าวต่อว่า สำหรับเมื่องที่ต้องการพัฒนาเป็นสมาร์ทชิตี้ต้องมีวิสัยทัศน์ โดยจัดทำแผนว่าต้องการ พัฒนาเป็นเมืองอะไร มีโครงสร้างพื้นฐานอย่างไร และมีข้อมูล (ดาต้า) เพื่อใช้บริหารจัดการเมือง ซึ่งต้องดูบริบทของเมือง เช่น จ.ภูเก็ต ที่ต้องการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ฯลฯ และต้องมีบิสิเนสโมเดล โดยปัจจุบันมีเมืองต่างๆ ส่งแผนเข้ามาแล้ว 58 เมือง และมี 15 เมืองที่ผ่านได้รับตราสัญลักษณ์ และมี 15 เมือง กำลังอยู่ในช่วงประเมินผล