นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผู้บังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบก.ปอท.) เพื่อหารือและติดตามเรื่องคดีที่ผิดกฎหมายออนไลน์ รวมทั้งผลดำเนินการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมาย ซึ่งจากที่กระทรวงดีอีเอส ได้ดำเนินการยื่นขอศาลปิดกั้นเว็บไซด์ผิดกฎหมายในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ ปัจจุบันศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายแล้ว 2,630 ยูอาร์แอล (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิ.ย.65) โดย 3 อันดับแรก ได้แก่ ความผิดต่อความมั่นคง (หมิ่นสถาบัน) 1,231 ยูอาร์แอล การพนันออนไลน์ 876 ยูอาร์แอล และขัดศีลธรรมอันดี 312 ยูอาร์แอล
“จากการทำงานร่วมกันของกระทรวงดีอีเอส และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากเจ้าของแพลตฟอร์มหลังได้รับคำสั่งศาลให้ระงับการแพร่หลาย โดย ยูทูบ และ ติ๊กต็อก ได้มีการปิดกั้นตามคำสั่งศาล 100% เฟซบุ๊ก 80% และทวิตเตอร์ 50%”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวอีกว่า สำหรับ กรณีที่ซูเปอร์โพลออกมาเปิดเผยข้อมูล ว่า โชเซียลมีส่วนสำคัญที่ทำให้สังคมเกิดความแตกแยกหรือขัดแย้ง นั้น อยากให้ทุกคนไม่ใช้โซเชียลมีเดียในทางที่ผิด ทุกภาคส่วนต้องให้ความรู้กับเยาวชน โดยเฉพาะครอบครัว และสถานศึกษา เราต้องร่วมมือกัน ในการสร้างความเข้าใจ ทั้งนี้ ทางกระทรวงฯก็จะใช้อำนาจหน้าที่ที่มีในการปิดกั้นเพจ เว็ปไซด์หรือข้อความที่ผิดกฎหมายให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความขัดแย้ง
ด้าน พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. กล่าวว่า ได้มีการทำงานร่วมกับกระทรวงดีอีเอส โดยตลอด ในการประสานงานกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ เพื่อให้เข้าใจบริบทของความเป็นไทยมากขึ้น โดยจะใช้แนวทางในเรื่องศีลธรรมอันดีของประชาชน ของแนวปฏิบัติการใช้สื่อสังคมออนไลน์เข้ามาช่วยในการปิดกั้น