- กระทรวงเกษตรฯ เจรจาความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย-บริษัทญี่ปุ่นสำเร็จ จับมือกับศูนย์ AIC และมหาวิทยาลัยในไทย วิจัยและพัฒนาแมลง เพื่อต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหารจากแมลงผง เป็นโปรตีนทางเลือกใหม่ตามนโยบายอาหารแห่งอนาคต
- ความร่วมมือนี้จะเป็นการสร้างงานสร้างรายได้ให้เกษตรกรในไทย และตลาดอาหารจากแมลงในญี่ปุ่นมีอัตราเติบโตสูง
วันที่ 5 ก.ค. 2565 นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว และคณะ เดินทางไปมหาวิทยาลัยทากะซากิ (Takasaki City University of Economics) ในจังหวัดกุนมะ เพื่อร่วมประชุมหารือกับ ดร.ทาเคชิ มิซึกุจิ (Takeshi Mizuguchi) อธิการบดีมหาวิทยาลัย และคณะ เมื่อวานนี้ เพื่อขยายความร่วมมือด้านการพัฒนาอาหารแห่งอนาคต(Future Food) โดยมหาวิทยาลัยทากะซากิได้ร่วมวิจัยและพัฒนากับบริษัท ฟิวเจอร์นอท อิงค์ (Futurenaut Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารจากแมลง โดยใช้ผงจิ้งหรีดนำเข้าจากประเทศไทยเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าแปรรูป เช่น ขนมแครกเกอร์ โปรตีนแท่ง เป็นต้น
โดยนายเรน ซากุไร (Ren Sakurai) CEO บริษัท ฟิวเจอร์นอท และ ดร.อะกิฮิโร อีจิมะ (Akihiro Iijima) หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยี (Chief Technology Officer) ได้นำเสนอข้อมูลของบริษัทตลอดจนพาชมห้องปฏิบัติการทดลองเลี้ยงจิ้งหรีดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) กล่าวว่า พอใจต่อความสำเร็จในการเจรจาหารือ โดยท่านอธิการบดี ดร.ทาเคชิ มิซึกุจิ และนายเรน ซากุไร ซีอีโอ บริษัท ฟิวเจอร์นอท พร้อมจะทำความตกลงลงนาม MOU กับศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีศูนย์แห่งความเป็นเลิศ (Center of Excellence) ด้านแมลง เช่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาแมลงต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารจากโปรตีนทางเลือกใหม่ภายใต้นโยบายอาหารแห่งอนาคต (Future Food) และนโยบายฮับแมลงโลกของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และยังสอดรับกับแนวทางขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO: Food and Agriculture Organization) ที่ประกาศให้ “แมลงเป็นแหล่งอาหารในอนาคตของโลก” และเป็นไปตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติอีกด้วย
“ประการสำคัญคือการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้และธุรกิจใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรจากจุดแข็งที่ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ และแมลงเศรษฐกิจ เช่น จิ้งหรีด ด้วงสาคู ตัวไหมหม่อน ตัวไหมอีรี่ ชันโรง ผึ้งโพรง หนอนนก แมลงวันลาย แมงดา เป็นต้น สามารถผลิตเป็นอาหารคน อาหารสัตว์ เวชสำอาง เวชกรรม และเครื่องดื่มสุขภาพที่หลากหลาย ปัจจุบันมีฟาร์มและแปลงใหญ่ของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และบริษัทเอกชนกว่า 1 แสนฟาร์มมีการส่งออกไปหลายประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ยุโรป และเอเซีย เป็นเศรษฐกิจฐานรากใหม่ที่มีอนาคต” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ วิวิธเกยูรวงศ์ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายเกษตร) ประจำกรุงโตเกียว กล่าวว่า ตลาดอาหารจากแมลงในประเทศญี่ปุ่นมีศักยภาพในการเติบโตสูง ปัจจุบัน ผู้บริโภคและผู้ผลิตอาหารจากแมลงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนญี่ปุ่นให้ความสนใจกับอาหารจากแมลงมากขึ้น และมีความตื่นตัวตามหลักการของ SDGs สูง ปัจจุบัน มีการวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารจากแมลง อาทิ ข้าวเกรียบผสมผงจิ้งหรีด คุ้กกี้ ราเมนจิ้งหรีด ฯลฯ จึงนับเป็นโอกาสของประเทศไทยในการขยายตลาดมายังประเทศญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ปัจจุบันญี่ปุ่นยังไม่มีการกำหนดเงื่อนไขการนำเข้าแมลงหรืออาหารจากแมลงเป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถนำเข้าตามเงื่อนไขของอาหารทั่วไป ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมงญี่ปุ่น (MAFF) ได้จัดตั้งคณะทำงาน Foodtech เพื่อกำหนดมาตรฐานและส่งเสริมการใช้ประโยชน์ Future Food เช่น โปรตีนจากพืช อาหารและอาหารสัตว์จากแมลง.