บทวิเคราะห์ :
แม้ปัจจุบัน ไทยเราอยู่ในช่วงพื้นตัวจากโควิดและยังประสบปัญหาราคาพลังงานแพง สินค้าราคาสูงขึ้นเหมือนกับหลายประเทศทั่วโลกก็ตาม แต่ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ รหัสM จำนวน7สาย ทั้งอยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมก่อสร้าง รัฐบาลยังสามารถเดินหน้าเพื่อให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20ปีด้านการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมขนส่งทั้งในประเทศและเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียนให้ได้รับประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ สังคมและด้านอื่นๆ รวมทั้งเป็นการรองรับการลงทุนจากต่างประเทศที่มีเข้ามาต่อเนื่อง นอกจากนี้การลงทุนโครงการมอเตอร์เวย์ยังถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากโควิดได้อีกทางหนึ่ง เพราะเมื่อมีการลงทุนก่อสร้างก็จะมีเม็ดเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เกิดการจ้างงาน การผลิต การซื้อขายวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องนำมาใช้ในโครงการ เป็นต้น
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา จึงทำให้รัฐบาลไม่หยุดที่จะพัฒนาโครงการมอเตอร์เวย์ ดังนั้นมาติดตามสถานะของมอเตอร์เวย์รหัสM จำนวน 7 เส้นทาง มีความคืบหน้าถึงไหนกันบ้าง
* M6 และ M81 งานโยธาก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จตามแผน *
มอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา หรือ M6 ระยะทาง 196 กม. และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี หรือ M81 ระยะทาง 96.41 กม. รัฐบาลใช้งบประมาณลงทุนก่อสร้างงานโยธาเอง ความคืบหน้า ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 สาย M6 ก่อสร้างคืบหน้า 98% สาย M81ก่อสร้างคืบหน้า78% ส่วนการก่อสร้างงานระบบพร้อมการดำเนินงานและบำรุงรักษา หรือ O&M ทั้ง 2เส้นทางให้เอกชนร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost(การลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน โดยรัฐจัดเก็บรายได้ทั้งหมดและชดเชยค่าตอบแทนให้เอกชนตามค่าใช้จ่ายดำเนินการ) ซึ่งเอกชนได้เข้าไปเตรียมพื้นที่แล้วบางส่วน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณปลายปีนี้ หลังงานโยธาทุกสัญญาก่อสร้างเสร็จพร้อมส่งมอบให้ดำเนินการ O&M ได้
ทั้งนี้ ถือว่าทั้ง 2 เส้นทางยังเดินหน้าได้ตามแผนที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบและจัดเก็บค่าผ่านทางช่วงปลายปี 2567 โดยเฉพาะสายM6 ได้ทดลองเปิดให้บริการประชาชนได้ใช้ฟรีไปแล้วบางช่วงในบางโอกาส
โดยเมื่อทั้ง 2 เส้น ทางสร้างเสร็จ นอกจากทำให้การเดินทางสัญจร การขนส่งสินค้า สะดวกรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนได้ด้วย เพราะเส้นทาง M6 เมื่อสร้างเสร็จถึงนครราชสีมาแล้วจะมีการสร้างต่อไปถึงจังหวัดหนองคาย จึงเชื่อมต่อไปยัง สปป.ลาวได้ ทำให้เกิดประโยชน์ต่อการค้าขาย การขนส่งสินค้า การลงทุนและความสัมพันธ์อื่นๆระหว่างกัน ส่วนสาย M81 สร้างเสร็จจะทำให้การเดินทางจากภาคกลางสู่ภาคตะวันตกสะดวกรวดเร็วขึ้นมากและยังเชื่อมต่อไปยังโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศเมียนมาร์ ที่ จ.กาญจนบุรี จะทำให้เกิดประโยชน์ทางการขนส่งสินค้าและค้าขายระหว่างกันมากขึ้น
* M82 ช่วง1 สร้างไปมากกว่าครึ่งทาง ช่วง2 เพิ่งเริ่ม *
ขณะที่ มอเตอร์เวย์สายบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว หรือM82 ระยะทางรวมประมาณ 26 กม. การก่อสร้างงานโยธาใช้เงินทุนค่าธรรมเนียมผ่านทาง (กองทุนมอเตอร์เวย์) แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ 1.ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 10.5 กม. วงเงิน 10,500 ล้านบาท ปัจจุบันมีความคืบหน้าก่อสร้างแล้ว 67.44% มีเป้าหมายแล้วเสร็จในปีหน้า 2.ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.4 กม. วงเงิน 19,700 ล้านบาท แบ่งประมูล 10 สัญญา ได้ผู้รับจ้างครบทั้ง10 สัญญาแล้วอยู่ระหว่างก่อสร้าง ปัจจุบันคืบหน้า 0.71% ตามแผนงานจะแล้วเสร็จปี 2567
จุดเด่นของสายM82 นอกจากจะทำให้การคมนาคมขนส่งรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังจะเชื่อมต่อส่วนต่อขยายM9 ช่วงบางขุนเทียน-บางปะอิน ต่อไปยังM6 บางปะอิน-นคราชสีมาได้อีก นั้นหมายถึงM82 นอกจากเชื่อมต่อโครงข่ายมอเตอร์เวย์ภายในประเทศได้แล้ว ยังเชื่อมต่อกับ สปป.ลาว ในลักษณะต่อเป็นทอดๆได้ด้วย
* ส่วนต่อขยาย M7 เชื่อมสนามบินอู่ตะเภา เตรียมเปิดประมูลก่อสร้าง*
ด้านมอเตอร์เวย์ ส่วนต่อขยายM7 เพื่อเชื่อมต่อสนามบินอู่ตะเภา ระะยะทาง 1.92 กม. วงเงิน 4,508 ล้านบาท เป็นเส้นทางล่าสุดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 2565 เส้นทางนี้มีลักษณะเป็นส่วนเชื่อมต่อเข้าสนามบินอู่ตะเภา ระยะทางสั้น จึงไม่มีการจัดเก็บค่าผ่านทาง รัฐลงทุนก่อสร้างงานโยธาเอง อยู่ระหว่างกระทรวงการคลังจัดหาเงินกู้ต่างประเทศมาดำเนินการ และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณสำหรับค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินวงเงิน108 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลก่อสร้างได้ปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า และเริ่มก่อสร้างได้ภายในปีหน้า โดยความสำคัญของโครงการนี้จะช่วยลดระยะทางจาก M7 ช่วงพัทยา-มาบตาพุดถึงสนามบินอู่ตะเภา จากเดิม 5 กม. เหลือ 1.92 กม. และยังจะเป็นส่วนเชื่อมการคมนาคมขนส่งในทุกระบบ ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ ทางรางของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือEEC และส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆของประเทศด้วย
* ส่วนต่อขยาย M9 และM5 เตรียมขออนุมัติโครงการก่อสร้าง*
ยังมีมอเตอร์เวย์อีก 2 เส้นทาง ที่ศึกษาการลงทุนโครงการเสร็จแล้วและเตรียมเสนอขออนุมัติตามขั้นตอน คือ โครงการต่อขยายมอเตอร์เวย์ M9 วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันตก ช่วงบางขุนเทียน-บางปะอิน ระยะทาง 78 กม. วงเงินลงทุน 78,000 ล้านบาท ขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ สคร.เพื่อเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือบอร์ด PPP เห็นชอบ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน
คาดว่า จะเริ่มกระบวนการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนได้ในปีหน้า 2566 โดยมอเตอร์เวย์ส่วนต่อขยาย M9 บางขุนเทียน-บางปะอิน จะใช้รูปแบบการลงทุน PPP Net Cost (การลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน เอกชนได้รับสิทธิ์ในการจัดเก็บรายได้ และจัดสรรผลตอบแทนบางส่วนให้แก่ภาครัฐตามข้อตกลง และเอกชนจะต้องรับความเสี่ยงจากผลดำเนินงานทั้งหมด) เป็นเส้นทางแรก เพราะตามการศึกษาพบว่ามีความคุ้มค่าที่เอกชนจะลงทุน 100% ทั้งก่อสร้างงานโยธาและระบบ O&M ซึ่งนอกจากเป็นการลดภาระการลงทุนภาครัฐได้อย่างมากแล้ว ยังลดความเสี่ยงของรัฐได้อีก หากโครงการมีรายได้ดี รัฐจะได้รับส่วนแบ่งรายได้เพิ่มไปด้วย ขณะที่จุดเด่นมอเตอร์เวย์ M9 คือโครงข่ายจะเชื่อมต่อมอเตอร์เวย์อีก 2 สายทาง คือ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว(M82) และสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ซึ่งนั้นหมายถึงเชื่อมต่อ สปป.ลาว ผ่านทางM6 ได้เช่นกัน
ส่วนอีกโครงการ คือ ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมืองโทลล์เวย์) หรือM5 ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม. มูลค่าโครงการ 28,360 ล้านบาท อยู่ในขั้นตอนเตรียมเสนอกระทรวงคมนาคม เป้าหมายเปิดประมูลภายในปีหน้า โครงการนี้จะใช้รูปแบบการลงทุน PPP Gross Cost คือให้เอกชนลงทุนก่อสร้างงานโยธาบวกติดตั้งระบบ O&M และรับจ้างบริหารโครงการ รัฐจ่ายคืนค่าลงทุนส่วนของงานโยธาและค่าลงทุนระบบ O&M คาดว่าจะสร้างเสร็จปี 2567 โดยจุดเด่นของโครงการนี้คือการเชื่อมต่อ M6 ต่อไปยัง สปป.ลาว ได้ และเชื่อมต่อสายM7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา ต่อไปยังชายแดนกัมพูชาได้ จะทำให้เกิดประโยชน์ด้านการขนส่งสินค้า การค้า การเดินทางไปมาระหว่างประเทศได้ดีขึ้น
* M8 เส้นทางสำคัญลงภาคใต้ เชื่อมอีก 2 สาย อยู่ระหว่างทบทวนโครงการ*
มอเตอร์เวย์ สายนครปฐม-ชะอำ หรือM8 ระยะทาง 109 กม. วงเงินลงทุน 79,006 ล้านบาท เดิมบอร์ด PPP อนุมัติแล้ว ให้ลงทุนรูปแบบ PPP Net Cost แต่เนื่องจากประชาชนบางกลุ่มในพื้นที่ จ.เพชรบุรีคัดค้านการก่อสร้าง จึงต้องทบทวนผลการศึกษาโครงการใหม่ โดยแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 เฟส จะสร้างเฟสแรก ช่วงนครปฐม-ปากท่อ ก่อน ซึ่งกำลังมีการปรับปรุงแบบ ทบทวนค่าก่อสร้างและรูปแบบการลงทุน คาดว่าจะเป็นโมเดลเดียวกับ M6 และ M81 ที่รัฐลงทุนงานโยธาและให้เอกชนลงทุนในส่วนของงานระบบ O&M ทั้งหมดจะได้ข้อสรุปในปีนี้
อย่างไรก็ตาม เส้นทางM8นี้ มีความสำคัญอย่างมากเส้นทางหนึ่ง เพราะเป็นการเพิ่มโครงข่ายลงสู่ภาคใต้ที่ในอนาคตอันใกล้จะมีโครงข่ายมอเตอร์เวย์เชื่อมต่อถึงมาเลเซีย และอีกด้านยังจะเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี(M81) และสายเอกชัย-บ้านแพ้ว(M82 ช่วง2) ซึ่งนั่นหมายถึงสามารถเชื่อมต่อไปทางตะวันตกถึงกาญจนบุรีสู่เมียนมาร์ และเชื่อมต่อสายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว(M82) มายังM6 บางปะอิน-นครราชสีมา ต่อไปยังเส้นทางอีสานสู่ สปป.ลาว ได้
เมื่อพิจารณา สถานะล่าสุดของมอเตอร์เวย์ รหัสM ทั้ง 7 เส้นทาง ก็พอได้ทราบกันบ้างว่าเส้นทางไหนประชาชนใกล้จะได้ใช้สัญจร ใช้ขนส่งสินค้า เส้นทางไหนจะก่อสร้างผ่านพื้นที่ใด เชื่อมต่อไปถึงไหนได้บ้าง และเมื่อพิจารณารูปแบบการลงทุนก่อสร้างแล้วเห็นได้ว่ารัฐบาลเน้นไปที่การลงทุนร่วมกับเอกชน เพื่อลดภาระด้านงบประมาณของประเทศ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่โครงสร้างพื้นฐานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศ มอเตอร์เวย์ทั้ง 7 เส้นทางนี้จะประสบความสำเร็จได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติ 20ปี