โรคไตติดอันดับ 1 ใน 5 โรคยอดฮิตของคนไทย พบได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่เฉพาะแค่ผู้สูงอายุ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยที่สุดคือโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง #หัวใจ รองลงมาคือโรคไตอักเสบ นิ่วไต และการใช้ยาที่มีผลเสียต่อไตหรือได้รับสารเคมีบางชนิด นอกจากนี้พฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิตในปัจจุบันก็อาจส่งผลให้เป็นโรคไตได้ง่ายขึ้น เช่น การดื่มน้ำน้อย รับประทานอาหารรสเค็มจัด – มันจัด อาหารหมักดอกหรือแปรรูป ภาวะอ้วน สูบบุหรี่ ความเครียด และพักผ่อนไม่เพียงพอ หากมีพฤติกรรมเหล่านี้ต่อเนื่องไปนาน ๆ ร่วมกับอายุที่มากขึ้นจะยิ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคไต
เราสามารถลดความเสี่ยงการเป็นโรคไตได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ปรุงรสมากเกินไป ดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 8 – 10 แก้ว ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนักตัวให้เหมาะสม รวมถึงรักษาโรคประจำตัวต่าง ๆ กับแพทย์ ไม่ซื้อยารับประทานเอง และตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อติดตามการทำงานของไต
นอกจากนี้ ถ้าพบอาการผิดปกติ เช่น #อ่อนเพลีย #ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะออกน้อย ขาบวมหรือหนังตาบวม ควรรีบพบแพทย์เพราะอาจเป็นอาการของโรคไตวาย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจมีอันตรายถึงชีวิต หรืออาจกลายเป็นโรคไตวายเรื้อรังจนต้องฟอกไตไปตลอดชีวิตได้
รศ.นพ.เกรียงศักดิ์ วารีแสงทิพย์ หัวหน้าสาขาวิชาวักกะวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า จากข้อมูลล่าสุดพบว่า คนไทยป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังร้อยละ 17 ของประชากร หรือประมาณ 8 ล้านคน และเพียงแค่ รพ.ศิริราช โรงพยาบาลเดียวมีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจนต้องล้างไตรายใหม่ประมาณ500คนต่อปี ซึ่งหากรวมผู้ป่วยจากรพ. อื่นๆ ทั่วประเทศ จะมีผู้ป่วยอาการรุนแรงที่ต้องล้างไตต่อปีประมาณ2แสนคน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก ในจำนวนนี้ เข้าถึงระบบการรักษาแล้ว8หมื่นคน และขณะนี้มีผู้ป่วยที่รอการผ่าตัดปลูกถ่ายไตใหม่อีกเกือบ1แสนคนแต่การปลูกถ่ายไต ทำได้เพียงปีละ 400 คนเท่านั้น เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายอย่างทั้งในเรื่องขั้นตอนการผ่าตัดที่ยุ่งยาก ค่าใช้จ่ายที่สูง การขาดแคลนผู้บริจาคไต หรือไม่สามารถเข้าถึงบริการได้เพราะอยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร เป็นต้น แต่ด้วยข้อจำกัดนี้ ขณะนี้ก็มีหลายๆ กองทุนช่วยเหลืออยู่แล้ว เช่น ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า30บาท แต่ก็ยังมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่เข้าถึงบริการการรักษา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดของโรคนี้
รศ.นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าวอีกว่า โรคไต เป็นโรคที่เราสามารถป้องกันได้ เพียงแค่หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารรสเค็ม อีกทั้งสาเหตุของการเกิดโรคไต ยังมาจากการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ดังนั้นผู้ป่วยต้องควบคุมให้ได้ เพื่อป้องกันการเกิดโรคไตที่แทรกซ้อนตามมา ซึ่งโรคไตวายเรื้อรัง ถือเป็นปัญหาที่สำคัญ การป้องกัน รณรงค์ให้คนไทยหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพจึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยทางกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ รพ.ศริราชและทุก ๆ รพ. ได้มีการรณรงค์ลดการบริโภคเค็มให้ได้ครึ่งหนึ่ง อีกทั้งหากมีผู้ป่วย หรือประชาชนทั่วไปต้องการรับคำปรึกษาเกี่ยวกับโรคไต ก็โทรศัพท์มาสอบถามที่รพ.ได้ตลอดเวลา.