- สธ.แถลงยืนยันไทยพบผู้ติดเชื้อฝีดาษวานรรายแรกแล้ว ในจังหวัดภูเก็ต หลังเริ่มเฝ้าระวังเมื่อวันที่ 8 ก.ค. โดยตรวจยืนยัน 2 ครั้ง
- ส่งทีมสอบสวนควบคุมโรคเข้าพื้นที่หาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกแล้ว พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย ยังไม่พบเชื้อ และจากการค้นหาสถานบันเทิง 2 แห่ง พบผู้ต้องสงสัย 6 ราย ส่งตรวจ 4 ราย ยังไม่พบเชื้อ และทุกคนต้องกักตัวสังเกตอาการ 21 วัน
- แจงโรคนี้ไม่ได้มีความรุนแรงมาก และระบาดได้ไม่รวดเร็ว ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแก่ประชาชน แต่มีการติดต่อหาวัคซีนกับบริษัทต่างๆ แล้ว และตรวจตรวจสอบวัคซีนฝีดาษ ว่าใช้ได้หรือไม่
วันที่ 22 ก.ค. 65 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์ฝีดาษวานร หลังพบผู้ติดเชื้อรายแรกในไทย จ.ภูเก็ต ซึ่งก่อนหน้านี้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้โรคนี้เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังแล้ว เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยกำหนดอาการสำคัญคือ ไข้ ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองบวมโต เจ็บคอ เกิดตุ่มตามตัว ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด รวมถึงเจ้าพนักงานควบคุมโรคต้องจัดทำแผนปฏิบัติการและรายงานสถานการณ์เหตุสงสัยการระบาด
ทาง จ.ภูเก็ตมีการเฝ้าระวังก่อนได้รับรายงานจากโรงพยาบาลว่าพบชาวต่างชาติ ชาวไนจีเรีย ต้องสงสัยว่าเป็นโรคฝีดาษวานร จึงส่งตัวอย่างไปตรวจที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบผลบวกว่าเป็นฝีดาษวานร เมื่อพบผู้ติดเชื้อโรคระบาดรายแรกๆ ในประเทศ จะต้องตรวจเชื้อ 2 ครั้งเพื่อยืนยัน จึงส่งไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และมีผลยืนยันตรงกันในวันที่ 19 ก.ค.
ต่อไปคือการรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยรายดังกล่าว เพื่อเสนอคณะกรรมการวิชาการเพื่อยืนยัน โดยคณะกรรมการดังกล่าวยืนยันแล้วเมื่อวานนี้ จึงมีการแถลงข่าวทันทีเมื่อวานนี้
ในกระบวนการยืนยันผู้ป่วยรายแรกจะมีขั้นตอนหลายประการ แต่ในขั้นตอนสอบสวนควบคุมโรคจะเป็นไปอย่างรวดเร็วทันที มีการตามหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และตรวจเชิงรุก พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 2 ราย ยังไม่มีอาการ และยังไม่พบเชื้อ แต่ยังคงอยู่ในช่วงกักตัวสังเกตุอาการอีก 21 วัน ยังคงค้นหาผู้สัมผัสโรคเพิ่มเติม คือ สถานบันเทิง 2 แห่ง ทั้งหมด 142 ราย พบอีก 6 รายต้องสงสัย และมีการส่งตรวจ 4 ราย ไม่พบเชื้อ
เบื้องต้นยืนยันเราพบผู้ป่วยฝีดาษวานรรายแรกแล้ว ตามการเฝ้าระวัง และมีการรายงานให้องค์การอนามัยโลกรับทราบแล้วตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ โดยขณะนี้ยังไม่มีการประกาศให้โรคฝีดาษวานรเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข และมีเงื่อนไขคือ มีความรุนแรงสูง ติดต่อง่าย และอาจต้องจำกัดการเดินทางของประชากร แต่จากข้อมูลที่มีตอนนี้ ความรุนแรงยังไม่มากนัก และการติดต่อไม่ได้รวดเร็วนัก
รวมมีผู้ป่วย 12,608 รายทั่วโลก ตั้งแต่การระบาดวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา
เบื้องต้นจึงแจ้งเตือนประชาชน หากมีอาการเสี่ยงให้พบแพทย์เพื่อวินิจฉัย พร้อมย้ำว่า โรคนี้ไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก มีความรุนแรงน้อย สำหรับประชาชน การติดต่อโรคนี้เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิด ไม่ได้ติดต่อง่ายนัก มาตรการป้องกันโรคโควิดที่ใช้กันอยู่ก็ใช้กับโรคนี้ได้เช่นกัน พร้อมขออย่าตีตราหรือรังเกียจผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง
ส่วนการรักษาโรคจะเป็นไปตามอาการ ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสโรคนี้โดยตรง แต่มีการสั่งจองวัคซีนกับบริษัทต่าง ๆ ในเบื้องต้นแล้ว ส่วนวัคซีนเดิมหรือวัคซีนฝีดาษที่ไทยมีเก็บไว้อาจจะนำมาใช้ได้ ต้องดูประสิทธิภาพและผลข้างเคียงอีกครั้ง และสถานการณ์ในขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน
