องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 2565 ภายหลังพบรายงานผู้ป่วยทั่วโลก มากกว่า 1.6 หมื่นราย จาก 75 ประเทศ โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย
ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก กล่าวว่า มีเพียงยุโรปที่ WHO ประเมินความเสี่ยงของโรคฝีดาษลิงอยู่ในระดับสูง ส่วนภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลกยังอยู่ในระดับปานกลาง
ที่ผ่านมา WHO เคยประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศเพียง 2 โรค ได้แก่ โควิด-19 และโปลิโอ
ด้านรศ.นพ.สุมนัส บุณยะรัตเวช กรรมการกลาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาการของโรคฝีดาษลิง แบ่งเป็น 3 ระยะ
1)ระยะฟักตัว
เป็นระยะที่ไวรัสฟักตัวในร่างกาย ไม่มีอาการ ไม่ติดต่อสู่ผู้อื่น ระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่อาจถึง 3 สัปดาห์ได้หลังสัมผัสเชื้อ
2)ระยะก่อนออกผื่น
เป็นระยะที่ผู้ป่วยมีอาการไข้ เมื่อยตัว ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองโต ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ทางละอองฝอยในระยะนี้
3)ระยะออกผื่น
หลังจากมีไข้ 1- 3 วัน จะพบผื่นที่ ใบหน้า ลำตัว และกระจายไป แขน ขาสามารถพบได้ที่ ฝ่ามือ มือฝ่าเท้า
ผื่นมีลักษณะเป็น ตุ่มขนาดเล็ก จากนั้นจะเปลี่ยนเป็น ตุ่มน้ำใส และ แตกออก จน ตกสะเก็ด และหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
อาจพบการติดเชื้อ แบคทีเรีย ซ้ำเติมได้ในช่วงที่เป็น ตุ่มน้ำใส ทำให้เห็นเป็นหนองในตุ่มน้ำใส ผู้ป่วยสามารถ แพร่เชื้อได้ ในระยะนี้ จากการสัมผัสสารคัดหลั่งอย่างใกล้ชิดเป็นระยะเวลาหลายนาทีจนถึงชั่วโมง และอาจเกิดจากการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อได้ หากมีอาการน่าสงสัยให้ไปพบแพทย์
ที่มา : กรมควบคุมโรค, The Coverage, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
