รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ วสท. เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สะพานกลับรถบน ถ.พระราม 2 กม.ที่ 34 ฝั่งขาเข้า หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมาเกิดแผ่นปูนพังถล่มจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย พบว่า สะพานนี้มีอายุการใช้งานกว่า 30 ปี และถึงเวลาที่จะต้องซ่อมบำรุง ไม่ให้เกิดอันตรายกับคนใช้รถใช้ถนน โดยโครงสร้างของสะพานกลับรถ แบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 คือคานคอนกรีตสำเร็จรูป ชั้นที่ 2 เป็นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป และชั้นที่ 3 เป็นการเทปูนทับเป็นพื้นผิวถนน ส่วนด้านข้างจะมีทางกั้นกันตก ลักษณะเหมือนแบริเออร์ ซึ่งกันตกการก่อสร้างจะไม่ได้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก แต่เป็นการการหล่อสำเร็จรูปแล้วนำมาติด ก็อาจจะมีความแข็งแรงไม่พอ จึงต้องเทคานขอบโค้งไปตามโครงสร้างให้มีความแข็งแรง ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า การสร้างถูกต้องตามหลักการ
ส่วนสาเหตุที่คาดว่าทำให้ชิ้นส่วนสะพานร่วงหล่นลงมา เชื่อว่า เกิดในช่วงที่คนงานรื้อชิ้นส่วนของสะพานกลับรถออก จนทำให้คานลอยโดยไม่มีที่จับยึด ประกอบกับเหล็กเส้นที่ยึดตัวคอนกรีตทั้ง 2 ฝั่ง น่าจะเสื่อมสภาพ จากความร้อน เพราะอุบัติเหตุรถน้ำมันที่มีไฟไหม้ ซึ่งเกิดบนสะพานหลายปีก่อน เสื่อมจนรับน้ำหนักไม่ไหว ขณะเดียวกัน น.ส.ปรียานันนท์ ลิขิตศานนท์ ผู้ตรวจราชการ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ เพื่อดูว่า จุดก่อสร้างที่เกิดเหตุ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ.2554 ที่กำหนดไว้ว่า หากเป็นเขตก่อสร้างจะต้องมีป้ายกำกับ และมีการกั้นพื้นที่ แต่เมื่อลงพื้นที่มาตรวจที่เกิดเหตุแล้ว ยังบอกไม่ได้ว่า ทำผิดหรือไม่ แต่ขอรอพูดคุยกับกรมทางหลวง ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบถึงแผนการก่อสร้าง หรือแผนซ่อมแซมก่อน ถึงจะทราบว่าอุบัติเหตุนี้เกิดจากปัจจัยอะไรได้บ้าง ได้ปฏิบัติตามหลักการหรือไม่ ทั้งนี้ถ้าหากพบว่า ไม่ได้ปฏิบัติตามที่กฎหมายกำหนด ยอมรับว่า อาจจะไม่สามารถเอาผิดได้ เนื่องจากเป็นหน่วยงานรัฐด้วยกัน แต่จะใช้วิธีการวางมาตรการหลังจากนี้ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ