สธ.มอบ ยาโมลนูพิราเวียร์ 150,000 เม็ด ให้สปสช.เตรียมบริการผู้ป่วยโควิดระบบสายด่วน 1330 พื้นที่กทม.-ปริมณฑล
สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดระบบเสริมเฉพาะกิจช่วยโรงพยาบาลในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล เพื่อดูแลผู้ป่วย ซึ่งตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา สปสช. เปิดให้ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแล สามารถโทรเข้าสายด่วน 1330 เพื่อแจ้งอาการ ให้เจ้าหน้าที่ประเมินอาการในเบื้องต้น หากเข้าข่ายได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ ก็จะจัดส่งยาให้ถึงบ้าน
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนยาฟาวิพิราเวียร์ให้กับ สปสช. รอบแรก 40,000 เม็ด รอบ 2 ได้รับอีก 100,000 เม็ดจากโรงพยาบาลราชวิถี และวานนี้ (1 ส.ค.2565) กระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรยาโมลนูพิราเวียร์มาให้ สปสช.เพิ่มอีก 150,000 เม็ด ซึ่งผู้ป่วยที่โทรแจ้งสายด่วน 1330 ที่จำเป็นต้องได้รับยาในช่วงต่อไป จะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์แทน ยาตัวนี้ออกฤทธิ์ยับยั้งการเพิ่มจำนวนของ RNA ไวรัสและลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการรุนแรงเช่นเดียวกับยาฟาวิพิราเวียร์ โดยได้รับการอนุมัติจากศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กระทรวงสาธารณสุข และ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ให้ใช้ในไทยแล้ว
สปสช.จะจัดส่งยาโมลนูพิราเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง หรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยเน้นในกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไตเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหัวใจแต่กำเนิด โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ ผู้มีภาวะอ้วน ผู้ป่วยตับแข็ง ผู้มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มี CD. cell count น้อยกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. แต่จะไม่ใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และผู้ที่อยู่ระหว่างให้นมบุตร